โครงการอาหารโลก หรือ The World Food Program (WFP) ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งขององค์การสหประชาชาติ เตือนว่า สถานการณ์ขาดแคลนอาหารในบางภูมิภาคของโลกจะประสบภาวะเลวร้ายหนักกว่าเดิมในเร็วๆ นี้ เนื่องจากการระบาดของโคโรนาไวรัสสายพันธุ์ใหม่
พื้นที่ที่ WFP ประเมินว่า มีความเสี่ยงที่จะประสบวิกฤติหนักกว่าเดิมคือ ตะวันออกกลาง และ แอฟริกาเหนือ โดยคาดการณ์ล่าสุดระบุว่า จำนวนผู้ที่ตกเป็นเหยื่อขาดแคลนอาหารจากทั้งสองภูมิภาคนี้จะพุ่งขึ้นอีกกว่า 6.7 ล้านคนในการประเมินล่าสุด เป็นกว่า 47 ล้านคนในไม่ช้านี้
ทั้ง ตะวันออกกลาง และ แอฟริกาเหนือ เป็นภูมิภาคที่ประสบปัญหาความขัดแย้ง ความไม่มีเสถียรภาพทางการเมือง และสภาพเศรษฐกิจที่ไม่สงบมานานหลายปี และโควิด-19 กลายมาเป็นปัจจัยใหม่ที่ทำให้ทุกอย่างย่ำแย่ลง
รายงาน Global Report on Food Crises ของโครงการอาหารโลก ระบุว่า จากประชากรทั่วโลกที่ประสบภาวะขาดแคลนอาหารรุนแรงนั้น ราว 20 เปอร์เซ็นต์อยู่ที่ตะวันออกกลาง
ปัจจุบัน WFP จัดหาเสบียงอาหารให้กับผู้คนราว 23 ล้านคนในภูมิภาคดังกล่าวอยู่ โดยประมาณ 2 ใน 3 นั้นถูกส่งไปยังเยเมนและซีเรีย ที่ซึ่งประชาชนยังคงลำบากหนักจากภาวะสงคราม โรคภัยไข้เจ็บ และการขาดแคลนอาหารอยู่
นอกจากนั้น รายงานยังเปิดเผยว่า เด็กเกือบ 3.8 ล้านคนใน 11 ประเทศ ไม่ได้รับประทานอาหารกลางวัน เพราะโรงเรียนปิดเนื่องจากการระบาดของโควิด-19 ทำให้ประชากรวัยเยาว์เหล่านี้ขาดสารอาหารที่จำเป็นที่จะช่วยในการเจริญเติบโตด้วย
โครงการอาหารโลกกำลังหาทางเลือกใหม่ๆ ที่จะช่วยให้เด็กเหล่านี้มีอาหารรับประทานอย่างน้อยสำหรับ 9 ใน 11 ประเทศที่มีปัญหาอยู่ โดยอาจจะเป็นการแบ่งอาหารจากส่วนที่จัดให้ผู้ใหญ่ไว้และการนำส่งให้ที่บ้าน รวมทั้งการส่งเงินอุดหนุนให้ครอบครัวที่ประสบปัญหาเพื่อให้นำไปหาซื้ออาหารต่อไป