Your browser doesn’t support HTML5
คุณจะทราบได้อย่างไรว่างานศิลปะเป็นของจริงหรือของปลอม? นักวิทยาศาสตร์ที่พิพิธภัณฑ์ศิลปะเมโทรโพลิทัน หรือ the Met ในมหานครนิวยอร์ก เปิดห้องเรียนให้กับวัยรุ่นที่สนใจ ให้เรียนรู้ศาสตร์ในการตรวจสอบงานศิลปะ เพื่อดูว่าผลงานศิลปะเหล่านั้นเป็นของดั้งเดิมหรือของปลอมแปลงกันแน่
คุณ มาร์โก ลีโอนา นักวิทยาศาสตร์พิพิธภัณฑ์ศิลปะเมโทรโพลิทัน หรือ the Met มหานครนิวยอร์ค อธิบายการทำงานของเครื่องฉายแสง X-Ray ฟลูออเรสเซนต์ และเครื่องดูดซับแสง ภายในห้องแลปวิทยาศาสตร์ ในแหล่งรวบรวมงานศิลป์ที่ยิ่งใหญ่แห่งหนึ่งในอเมริกา ซึ่งใช้ตรวจสอบว่างานศิลปะนั้นเป็นของจริงหรือของปลอม
ซึ่งคุณลีโอนาและทีมนักวิทยาศาสตร์ ประจำพิพิธภัณฑ์แห่งนี้ ยินดีที่จะอธิบายการทำงานของอุปกรณ์ตรวจสอบงานศิลป์ทั้งหมด ให้กับเยาวชนที่มาร่วมกิจกรรม “Teens Take the Met”
คุณลีโอนา กล่าวว่า ทางพิพิธภัณฑ์เปิดให้เยาวชนได้เข้าชมเบื้องหลังการทำงานของหน่วยงานนี้ เพื่อการศึกษาและอนุรักษ์ผลงานศิลปะ และชี้ให้เด็กวัยรุ่นได้เรียนรู้ว่า ศาสตร์และศิลป์นั้นมีความเชื่อมโยงกัน
คุณคริสตัล คันนิงแฮม หนึ่งในนักวิทยาศาสตร์ที่ the Met อีกผู้หนึ่งกล่าวว่า งานวิจัยของเธอมุ่งเน้นไปที่การศึกษาเม็ดสีสีน้ำเงินในผลงานศิลปะ ผ่านการตรวจสอบสารเคมีของสีที่ใช้ เพื่อศึกษาว่ามันถูกนำมาใช้ในทางโบราณคดีได้อย่างไร และใช้เทคนิคทางวิทยาศาสตร์เพื่อไขข้อข้องใจเกี่ยวกับงานศิลปะ
หนึ่งในคำถามสำคัญของบรรดานักสืบงานศิลปะ ก็คือ ผลงานชิ้นนี้เป็นของจริงหรือของปลอม? ซึ่งทีมนักวิทยาศาสตร์ประจำ the Met บอกว่า การใช้เครื่องฉายแสง เครื่องฉายแสง X-Ray ฟลูออเรสเซนต์ เป็นหนทางหนึ่งที่จะตอบคำถามนี้ได้
คุณลีโอนาอธิบายว่า พวกเขาจะตรวจสอบงานศิลปะ โดยการยิงลำแสงเอ็กซเรย์ที่ละเอียดมากไปยังวัตถุ และวัตถุดังกล่าวจะปล่อยรังสีอื่นๆ ออกมา ซึ่งจะสามารถบอกได้ว่าผลงานชิ้นนั้นมีสารตะกั่ว ไทเทเนียม หรือสารปรอทอยู่ในนั้นหรือไม่
การระบุองค์ประกอบเหล่านี้ช่วยให้นักวิจัยสามารถหาแหล่งกำเนิดของงานศิลปะได้ ยิ่งไปกว่านั้นอุปกรณ์ตรวจสอบงานศิลป์ในปัจจุบันสามารถพกพาไปไหนก็ได้ ซึ่งสะท้อนว่า เทคโนโลยีนี้ไม่ได้จำกัดอยู่เพียงในห้องทดลองวิทยาศาสตร์ ซึ่งเป็นการเพิ่มขีดความสามารถและความก้าวหน้าของนักวิทยาศาสตร์ในอนาคต
คุณคัดจิดา ทันด์ตา นักเรียนมัธยมผู้หนึ่งที่เข้าร่วมกิจกรรมนี้ กล่าวว่า เธอต้องการสร้างบริษัทเทคโนโลยีชีวภาพของตัวเอง และหวังว่าจะขยายไปสู่การสร้างโรงพยาบาลให้มีจำนวนเพิ่มมากขึ้น เพื่อพัฒนาระบบสาธารณสุขในแอฟริกาต่อไป
การรวมเอาวิทยาศาสตร์และศิลปะไว้ด้วยกันในพิพิธภัณฑ์ศิลปะที่ใหญ่ที่สุดในอเมริกา นับว่าเป็นเรื่องที่ฉลาดเข้าขั้นอัจฉริยะเลยทีเดียว
ทีมนักวิทยาศาสตร์ที่ the Met ก็หวังว่าการมเปิดโอกาสให้เด็กวัยรุ่นเข้าถึงประสบการณ์ในด้านนี้ และช่วยสร้างแรงบันดาลใจให้แก่นักวิทยาศาสตร์รุ่นต่อไป