เหตุน้ำมันรั่วจากเรือขนส่งสินค้าญี่ปุ่นสร้างความเสียหายทางทรัพยากรทะเลในมหาสมุทรอินเดีย

This aerial picture taken on August 16, 2020, shows the MV Wakashio bulk carrier that had run aground and broke into two parts near Blue Bay Marine Park, Mauritius.

Your browser doesn’t support HTML5

Business News


ทางการสาธารณรัฐมอริเชียส ยืนยันอย่างเป็นทางการว่า เหตุน้ำมันรั่วจากเรือขนส่งสินค้าของญี่ปุ่นเมื่อเดือนที่แล้ว กำลังกลายมาเป็นภัยคุกคามแก่ทรัพยากรทางทะเลในมหาสมุทรอินเดียในเวลานี้

สำนักข่าว รอยเตอร์ส รายงานว่า คณะกรรมการด้านวิกฤติแห่งชาติของมอริเชียส เปิดเผยว่า สภาพเรือขนส่ง MV Wakashio ของญี่ปุ่นที่แล่นไปชนและติดแนวปะการังตั้งแต่เดือนที่แล้ว กำลังย่ำแย่ลงทุกขณะ โดยเมื่อเย็นวันเสาร์ที่ผ่านมา ผู้เชี่ยวชาญได้ให้คำแนะนำให้มีการลากจูงลำเรือออกจากจุดเกิดเหตุแล้ว

เรือขนส่ง MV Wakashio แล่นเข้าชนแนวปะการังนอกฝั่งประเทศมอริเชียสตั้งแต่เมื่อวันที่ 25 กรกฎาคมที่ผ่านมา ส่งผลให้น้ำมันปริมาณ 1,000 ตันรั่วไหลออกมา และก่ออันตรายแก่ปะการัง ปลา และสิ่งมีชีวิตทางทะเลอื่นๆ ในระดับที่นักวิทยาศาสตร์บางรายระบุว่า เป็นหายนะทางระบบนิเวศน์ที่ร้ายแรงที่สุดของประเทศ

แฌคเคอลีน ซอซิเอร์ ประธานกลุ่ม Mauritius Marine Conservation Society บอกกับผู้สื่อข่าว รอยเตอร์ส ว่า เศษน้ำมันบางส่วนจากเรือได้กระจายไปในท้องมหาสมุทร และเจ้าหน้าที่ได้เร่งปล่อยทุ่นกักน้ำมันออกมาตั้งแต่วันเสาร์เพื่อดูดซับน้ำมันรอบๆ เรือแล้ว

คณะกรรมการด้านวิกฤติกล่าวว่า จุดที่มีการให้ความสำคัญเป็นพิเศษในวิกฤตินี้คือ บริเวณอุทยานทางทะเลบลูเบย์ (Blue Bay Marine Park) เกาะอิลิลูซิคเครทส์ (Ile Aux Aigrettes) และ อนุสัญญาแรมซาร์ (Ramsar Convention) หรือพื้นที่ชุ่มน้้าแห่งชาติตามอนุสัญญาแรมซาร์ ที่ ปอยเตสนีย์ (Pointe D’Esny National Ramsar Site) ขณะที่พยากรณ์อากาศคาดว่า สภาพอากาศจะเลวร้ายลงอีกในช่วง 2-3 วันข้างหน้า

รัฐบาลมอริเชียสเปิดเผยเมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมาว่า ได้มีการดูดน้ำมันส่วนใหญ่ในเรือออกมาแล้ว แต่ยังเหลืออยู่อีกราว 166 ตันและทางการพยายามเร่งดูดดออกมาอยู่

ชินจิโร โคอิซูมิ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสิ่งแวดล้อมญี่ปุ่น กล่าวในวันเสาร์ว่า รัฐบาลกรุงโตเกียวมีแผนที่จะส่งทีมเจ้าหน้าที่จากกระทรวงฯ พร้อมผู้เชี่ยวชาญอีกจำนวนหนึ่งเข้าไปประเมินความเสียหายในพื้นที่แล้ว

ทั้งนี้ นักวิทยาศาสตร์กล่าวว่า ความเสียหายจากเหตุการณ์นี้ต่อมอริเชียสและเศรษฐกิจของประเทศที่พึ่งพาการท่องเที่ยวเป็นหลัก จะยังคงอยู่ต่อไปอีกนับทศวรรษได้ โดยการลากเรือออกจากจุดเกิดเหตุต้องใช้เวลาหลายเดือน ขณะที่รัฐบาลฝรั่งเศสได้สัญญาที่จะให้ความช่วยเหลือในการทำความสะอาดด้วย