กราดยิงสหรัฐฯ 2 เหตุในวันเดียว เสียชีวิตแล้วอย่างน้อย 29 คน

Your browser doesn’t support HTML5

Mass Shootings

เกิดเหตุคนร้ายกราดยิงสังหารหมู่ในสหรัฐอเมริกา 2 เหตุการณ์ภายในเวลาห่างกันเพียง 13 ชั่วโมงในเมือง เอล ปาโซ รัฐเทกซัส และเมืองเดย์ตัน รัฐโอไฮโอ ทำให้มีผู้เสียชีวิตแล้วอย่างน้อย 29 คน และบาดเจ็บอีกหลายสิบคน ในขณะสมาชิกพรรคเดโมแครตบางคนกล่าวโทษวาทกรรมต่อต้านผู้อพยพเข้าเมืองของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ว่าเป็นต้นตอที่ทำให้เกิดเหตุสะเทือนขวัญครั้งนี้

เจ้าหน้าที่ตำรวจกำลังสืบสวนเพื่อหาแรงจูงใจของคนร้ายในการยิงสังหารหมู่ทั้งสองเหตุการณ์ในวันเสาร์และวันอาทิตย์ตามเวลาท้องถิ่น ซึ่งเป็นเหตุยิงสังหารหมู่ครั้งที่ 21 และ 22 ในปีนี้ของสหรัฐฯ

ในเวลาประมาณตีหนึ่งของวันอาทิตย์ ผู้ก่อเหตุใช้อาวุธปืนไรเฟิลกราดยิงในย่านสถานท่องเที่ยวกลางคืนในเมือง เดย์ตัน รัฐโอไฮโอ ทำให้มีผู้เสียชีวิตแล้ว 9 คนและบาดเจ็บ 27 คน ก่อนที่เจ้าหน้าที่ตำรวจจะสามารถยิงคนร้ายเสียชีวิตภายในหนึ่งนาทีหลังจากก่อเหตุ

แนน เวลี นายกเทศมนตรีเมืองเดย์ตันเชื่อว่าการที่ตำรวจเข้าไประงับเหตุการณ์อย่างรวดเร็วช่วยป้องกันไม่ให้ผู้บริสุทธิ์อีกนับร้อยต้องเสียชีวิต เพราะย่านนั้นเต็มไปด้วยร้านอาหาร บาร์ และโรงละคร

เจ้าหน้าที่ตำรวจรายงานว่าผู้ก่อเหตุเป็นชายผิวขาววัย 24 ปี ชื่อ นาย คอนเนอร์ เบ็ทส์ (Connor Betts) โซเชียลมีเดียของเบ็ทส์ ระบุว่าเขาเป็นนักศึกษาสาขาจิตวิทยาที่วิทยาลัยชุมชุนแห่งหนึ่งในเมืองเดย์ตัน ตำรวจเชื่อว่าเบ็ทส์ลงมือเพียงคนเดียว แต่ยังไม่ทราบแรงจูงใจในการก่อเหตุสะเทือนขวัญครั้งนี้ ตำรวจยังรายงานว่า หนึ่งในผู้เสียชีวิตคือน้องสาววัย 22 ปีของเบ็ทส์

นายกเทศมนตรีเมืองเดย์ตันยังบอกว่า คอนเนอร์ เบ็ทส์ สวมเสื้อเกราะป้องกันและพกซองกระสุนมาเป็นพิเศษ เขาใช้ปืนไรเฟิล ขนาดลำกล้อง .223 ซึ่งเป็นอาวุธชนิดเดียวกับที่มือปืนใช้ยิงสังหารหมู่นักเรียนและครูโรงเรียนประถมแซนดี ฮุค ในเมือง นิวทาวน์ รัฐคอนเนคติคัต ในปี 2555 ที่ทำให้มีผู้เสียชีวิตทั้งหมด 26 คน

ก่อนหน้านั้นเพียง 13 ชั่วโมง เกิดเหตุยิงสังหารหมู่ที่ห้างวอลมาร์ท ในเมือง เอล ปาโซ รัฐเท็กซัส ทำให้มีผู้เสียชีวิต 20 คน และบาดเจ็บ 26 คน

ผู้ต้องสงสัยเป็นชายผิวขาวอายุ 21 ปี ชื่อนาย แพทริค ครูเชียส (Patrick Crusius) ที่อยู่ในความควบคุมของตำรวจ โดยตำรวจกำลังสืบสวนว่านายครูเชียสเป็นคนโพสต์ข้อความที่บอกล่วงหน้าว่าจะมีการกราดยิงคนที่มีเชื้อสายฮิสแปนิกหรือไม่ ข้อความดังกล่าวพูดถึง “การบุกรุกของคนที่มีเชื้อสายฮิสแปนิก” หรือชาวอเมริกากลางและอเมริกาใต้ที่พูดภาษาสเปนที่อพยพมาอยู่ที่สหรัฐฯ ซึ่งหากเป็นไปตามนั้น อาจจะทำให้คดีนี้เป็นคดีอาชญากรรมอันเกิดจากความเกลียดชังผู้ที่มีเชื้อสายฮิสแปนิก

ผู้สมัครชิงตำแหน่งตัวแทนพรรคเดโมแครตในการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ เช่น ส.ว. คอรี บุคเกอร์ (Cory Booker) ส.ว. เบอร์นี แซนเดอร์ส (Bernie Sanders) รวมทั้งอดีต ส.ส. จากเท็กซัส เบโต โอรอวร์ค (Beto O'Rourke) ออกมากล่าวว่า วาทกรรมต่อต้านผู้อพยพเข้าเมืองของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ เป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดความเกลียดชัง และนำไปสู่การสังหารหมู่ในเมือง เอล ปาโซ

ส.ส. รัฐเท็กซัส ฮัวคิน คาสโตร (Joaqin Castro) ยังออกแถลงการณ์ด้วยว่าข้อความของมือปืนเหตุการณ์เอล ปาโซ ยังสอดคล้องกับคำพูดที่ทรัมป์มักจะใช้เรียกผู้อพยพเชื้อสายฮิสแปนิกว่าเป็น “ผู้บุกรุก” นายคาสโตรกล่าวว่าเหตุยิงในเอล ปาโซ่ เป็นเครื่องเตือนให้เห็นถึงอันตรายของวาทกรรมดังกล่าว

นาย มิค มัลวานี รักษาการหัวหน้าคณะเจ้าหน้าที่ของทำเนียบขาว ออกมาปฏิเสธความพยายามที่จะป้ายความผิดให้ทรัมป์ โดยกล่าวว่าต้นเหตุ คือ “คนป่วย” หรือ “คนบ้าที่มีแรงจูงใจทางการเมือง”

ทรัมป์ได้กล่าวผ่านทวิตเตอร์ว่า เหตุยิงในเมืองเอล ปาโซ เป็นการกระทำที่ขี้ขลาด และเขาร่วมประณามการก่อเหตุที่เกิดจากความเกลียดชังครั้งนี้ ต่อมาในวันอาทิตย์ ทรัมป์ได้สั่งให้ทำเนียบขาวและอาคารรัฐบาลลดธงลงครึ่งเสาเป็นเวลาห้าวันเพื่อรำลึกถึงผู้ที่เสียชีวิต