ผลวิจัยระบุคนอเมริกันวัยผู้ใหญ่ "เสพกัญชา" มากขึ้นในช่วงหลายปีที่ผ่านมา

FILE - In this April 20, 2016, photo, customers buy products at the Harvest Medical Marijuana Dispensary in San Francisco. In November, the state's voters will decide whether to legalize the drug's recreational use.

รายงานวิจัยชิ้นใหม่ชี้ว่าทัศนคติของคนอเมริกันที่มีต่อกัญชากำลังเปลี่ยนไป หลังจากหลายรัฐอนุญาตให้เสพกัญชาได้อย่างถูกกฎหมาย

Your browser doesn’t support HTML5

US Marijuana

นักวิจัยด้านการใช้ยาเสพติดที่สถาบันสาธารณสุขแห่งชาติของสหรัฐฯ หรือ NIH จัดทำรายงานที่ตีพิมพ์ในวารสารการแพทย์ The Lancet Psychiatry ระบุว่า หลังจากหลายรัฐในอเมริกาเริ่มอนุญาตให้สามารถเสพกัญชาเพื่อสันทนาการและใช้ในทางการแพทย์ได้อย่างถูกกฎหมายแล้วนั้น ส่งผลให้มีคนอเมริกันจำนวนมากขึ้นที่มองว่ากัญชามิได้เป็นยาเสพติดร้ายแรงอีกต่อไป

นักวิจัยได้เก็บข้อมูลจากประชากรอเมริกันวัยผู้ใหญ่อายุมากกว่า 18 ปี เกือบ 600,000 คน พบว่าตั้งแต่ปี ค.ศ. 2002 – 2014 ปริมาณการเสพกัญชาในสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นจากระดับ 10.4% เป็น 13.3%

รายงานชิ้นนี้ยังพบด้วยว่า จำนวนกลุ่มตัวอย่างที่ระบุว่าเริ่มทดลองเสพกัญชาเป็นครั้งแรกในช่วง 1 ปีที่ผ่านมา เพิ่มขึ้นจากระดับ 0.7% เมื่อปี ค.ศ. 2002 เป็น 1.1% ในปี 2014 ในขณะที่ผู้ที่เสพกัญชาเป็นประจำทุกวันหรือเกือบทุกวัน มีจำนวนเพิ่มขึ้นเช่นกัน คือเพิ่มจาก 1.9% ในปี ค.ศ. 2002 เป็น 3.5% ในปี 2014

จากข้อมูลดังกล่าว นักวิจัยได้นำไปแปลงเป็นตัวเลขที่สะท้อนถึงประชากรวัยผู้ใหญ่ในอเมริกาโดยรวม ซึ่งแสดงให้เห็นว่าในปี ค.ศ. 2014 มีคนอเมริกันทดลองเสพกัญชาเป็นครั้งแรกราว 1 ล้าน 4 แสนคน และมีคนอเมริกันวัยผู้ใหญ่ที่เสพกัญชาทั้งหมดทั่วประเทศราว 32 ล้านคนในปีดังกล่าว เพิ่มจากจำนวนราว 22 ล้านคนเมื่อปี ค.ศ. 2002

ในจำนวนนี้ผู้ที่เสพกัญชาเป็นประจำทุกวันหรือเกือบทุกวัน เพิ่มขึ้นเป็นประมาณ 8 ล้าน 4 แสนคนในปี 2014 จากระดับ 4 ล้านคนเมื่อปี 2002

จำนวนผู้เสพกัญชาที่เพิ่มขึ้นนี้ นักวิจัยเชื่อว่าเป็นผลมาจากการที่รัฐต่างๆ เริ่มอนุญาตให้สามารถเสพกัญชาได้อย่างถูกกฎหมาย ทำให้มีประชากรจำนวนน้อยลงเรื่อยๆ ที่มองว่ากัญชาเป็นยาเสพติดอันตราย

ตัวอย่างเช่น อัตราส่วนของผู้ที่เชื่อว่าการสูบกัญชา 1-2 ครั้งต่อสัปดาห์ เป็นการกระทำที่อันตรายนั้น ลดลงจาก 50.4% เมื่อปี 2002 เป็น 33.3% ในปี 2014

ปัจจุบัน 25 รัฐในอเมริกา รวมทั้งกรุงวอชิงตัน อนุญาตให้สามารถใช้กัญชาเพื่อสันทนาการและใช้ในทางการแพทย์ได้อย่างถูกกฎหมาย

ดร. วิลสัน คอมป์ตัน แห่ง NIH ผู้ร่วมจัดทำรายงานชิ้นนี้ กล่าวว่า งานวิจัยครั้งนี้ถือเป็นครั้งแรกที่มีการศึกษาถึงความสัมพันธ์ของการรับรู้เกี่ยวกับอันตรายของกัญชากับประชากรวัยผู้ใหญ่ในสหรัฐฯ เป้าหมายเพื่อทำความเข้าใจเกี่ยวกับการใช้กัญชา และการยอมรับในการเสพกัญชาเพื่อสันทนาการและการแพทย์

โดยจุดประสงค์สำคัญเพื่อให้บรรดาผู้กำหนดกฎหมายสามารถนำไปใช้วิเคราะห์เพื่อวางนโยบายได้อย่างถูกต้อง

(รายงานจากห้องข่าววีโอเอ / ทรงพจน์ สุภาผล เรียบเรียง)