กระทรวงกลาโหมเกาหลีใต้เปิดเผยในวันจันทร์ว่า ชายผู้เดินทางข้ามเขตปลอดทหารบริเวณพรมแดนเกาหลีใต้เข้าไปในเกาหลีเหนือเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว น่าจะเป็นชายชาวเกาหลีเหนือที่เคยแปรพักตร์เข้ามาอาศัยอยู่ในเกาหลีใต้เมื่อปี ค.ศ. 2020
ผู้บัญชาการเหล่าทัพร่วมของเกาหลีใต้ระบุว่า ได้เริ่มปฏิบัติการค้นหาเมื่อวันเสาร์หลังจากพบว่ามีชายผู้หนึ่งลักลอบเข้าไปในเขตปลอดทหาร หรือ Demilitarized Zone (DMZ) ซึ่งแบ่งแยกทั้งสองประเทศออกจากกัน
แถลงการณ์ของกระทรวงกลาโหมเกาหลีใต้ในวันจันทร์กล่าวว่า "เจ้าหน้าที่เชื่อว่าชายผู้นั้นเป็นชาวเกาหลีเหนือที่เคยแปรพักตร์ และกำลังตรวจสอบว่าใช่หรือไม่" โดยเจ้าหน้าที่กระทรวงกลาโหมกล่าวกับผู้สื่อข่าวว่า ชายผู้นี้มีอายุราว 30 ปีซึ่งเดินทางเข้ามาในเกาหลีใต้เมื่อเดือนพฤศจิกายน ปีค.ศ. 2020
เจ้าหน้าที่เกาหลีใต้กำลังตรวจสอบว่า การเคลื่อนไหวบริเวณพรมแดนเกาหลีเหนือเมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมานั้น เป็นทหารเกาหลีเหนือที่เข้าไปในเขตปลอดทหารเพื่อนำตัวชายดังกล่าวออกมาหรือไม่ แต่ขณะนี้ทางเกาหลีใต้ไม่คิดว่าสัญญาณดังกล่าวคือการจารกรรมจากเกาหลีเหนือแต่อย่างใด
ขณะเดียวกัน ทางการเกาหลีเหนือได้แจ้งผ่านโทรศัพท์สายด่วนระหว่างสองประเทศเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อสุดสัปดาห์ แต่มิได้แจกแจงรายละเอียดเกี่ยวกับชะตากรรมของชายผู้นั้น
การเดินทางข้ามเขตปลอดทหารครั้งนี้มีขึ้นในขณะที่เกาหลีเหนือกำลังใช้มาตรการควบคุมการระบาดของโควิด-19 อย่างเข้มงวดนับตั้งแต่เริ่มปิดประเทศเมื่อต้นปีค.ศ. 2020
เมื่อเดือนกันยายน ปี 2020 ทางเกาหลีเหนือได้ขอโทษไปยังเกาหลีใต้หลังจากที่ทหารเกาหลีเหนือได้ยิงเจ้าหน้าที่การประมงเกาหลีใต้เสียชีวิตและจุดไฟเผาศพของชายผู้นั้น โดยอ้างว่าเป็นมาตรการป้องกันการระบาด
แม้มีชาวเกาหลีเหนือจำนวนหลายพันคนที่แปรพักตร์เข้าไปอาศัยอยู่ในเกาหลีใต้ แต่การเดินทางผ่านเขตปลอดทหารบริเวณพรมแดนของสองประเทศนั้นเป็นเรื่องที่ไม่เกิดขึ้นบ่อยนัก และยิ่งเป็นการข้ามจากเกาหลีใต้ไปยังเกาหลีเหนือดังที่เกิดขึ้นเมื่อวันเสาร์ ยิ่งเป็นเหตุการณ์ที่แทบไม่เคยเกิดขึ้น
นอกจากนี้ยังเป็นการแสดงให้เห็นถึงการรักษาความปลอดภัยที่หละหลวมของทหารเกาหลีใต้ในบริเวณดังกล่าว เนื่องจากต้องใช้เวลาเกือบสามชั่วโมงหลังจากที่กล้องวงจรปิดตรวจพบว่ามีการปีนข้ามรั้วสูงและมีสัญญาณเตือนภัยดังขึ้น ก่อนที่จะเริ่มมีปฏิบัติการค้นหาผู้ที่เข้าไปในเขตปลอดทหารดังกล่าว