เว็บไซต์ MarketWatch รายงานว่า ชัยชนะในการเลือกตั้งประธานาธิบดีของโจ ไบเดน ที่สำนักข่าวหลักของสหรัฐฯ หลายสำนักให้การรับรองตลอดช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมานั้น นอกจากจะหมายความว่าสหรัฐฯ จะได้ผู้นำคนใหม่แล้ว ตำแหน่ง “สัตว์เลี้ยงของประธานาธิบดี” ที่ว่างเว้นไปในช่วงของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ก็จะกลับมามี “ผู้ดำรงตำแหน่ง” อีกครั้งเช่นกัน
ว่าที่ผู้ดำรงตำแหน่งดังกล่าวคือ “แชมป์” และ “เมเจอร์” สุนัขพันธุ์เยอรมันเชพเพิร์ดของไบเดน โดยเมเจอร์จะเป็นสุนัขจากสถานดูแลสัตว์จรจัดตัวแรกที่ได้เข้ามาอาศัยในรั้วทำเนียบขาวด้วย โดยไบเดนรับเมเจอร์มาเลี้ยงจากสถานดูแลสัตว์ Delaware Humane Association เมื่อสองปีที่แล้ว
อย่างไรก็ตาม เมเจอร์ไม่ใช่สุนัขตัวแรกที่เคยเป็นสัตว์เลี้ยงจรจัดก่อนมาเป็นสัตว์เลี้ยงของประธานาธิบดี เว็บไซต์ snopes.com ระบุว่า “ยูกิ” สุนัขพันธุ์ผสมของอดีตประธานาธิบดีลินดอน บี จอห์นสัน เคยอยู่ที่ปั๊มน้ำมันมาก่อน โดยลูซิ บุตรสาวของจอห์นสัน พบยูกิที่ปั็มน้ำมันในวันขอบคุณพระเจ้าเมื่อปีค.ศ. 1966 ก่อนจะมอบยูกิให้เป็นของขวัญวันเกิดพ่อในปีถัดมา
พิพิธภัณฑ์สัตว์เลี้ยงของประธานาธิบดียังระบุด้วยว่า อดีตประธานาธิบดีอับราฮัม ลินคอล์น เคยมีลูกสุนัขพันธุ์ผสมสีเหลืองชื่อ “ฟิโด” ก่อนที่เขาจะดำรงตำแหน่งประธานาธิบดี อย่างไรก็ตาม ฟิโดกลัวฝูงกาและเสียงดัง ทำให้เข้ามาอยู่ในทำเนียบขาวไม่ได้ ครอบครัวลินคอล์นจึงตัดสินใจยกฟิโดให้ครอบครัวอื่นดูแลไป
การที่เมเจอร์จะเป็นสัตว์เลี้ยงประจำทำเนียบขาวตัวแรกจากสถานดูแลสัตว์จรจัด ยังสะท้อนให้เห็นถึงสถานการณ์การรับดูแลสัตว์เลี้ยงจรจัดที่ดีึขึ้นในปีนี้ เนื่องจากการระบาดของไวรัสโควิด-19 9 ทำให้ผู้คนหันมาอยู่บ้านกันมากขึ้น และรับสัตว์เลี้ยงจากสถานดูแลเหล่านี้มาอุปการะหรือดูแลชั่วคราวกันมากขึ้น โดยเจ้าของสัตว์เลี้ยงมือใหม่จำนวนหนึ่งบอกกับทาง MarketWatch ว่า สัตว์เลี้ยงเหล่านี้เป็นเหมือน “ผู้ช่วยชีวิต” ที่ช่วยเยียวยาจิตใจของพวกเขาท่ามกลางสถานการณ์โรคระบาด
สถานดูแลสัตว์จรจัด Twin Cities’ Animal Humane Society ในรัฐมินนิโซตา ระบุว่า มีผู้อุปการะสัตว์ไปกว่า 300 ตัวภายในสัปดาห์เดียวในช่วงฤดูใบไม้ร่วง ในขณะที่สถานดูแลสัตว์ King’s Harvest Pet Rescue ในรัฐไอโอวา ก็สามารถหาบ้านให้สุนัขทั้งหมด 17 ตัวและแมวทั้งหมดหลายสิบตัวได้เช่นกัน ทางด้านสถานดูแลสัตว์ The Animal Care Centers ในมหานครนิวยอร์กก็ได้รับคำขอดูแลสัตว์เลี้ยงชั่วคราวกว่า 5,000 รายการในเดือนมีนาคม ซึ่งขณะนั้นทางสถานดูแลสามารถหาบ้านถาวรให้สัตว์เลี้ยงที่ถูกดูแลชั่วคราวได้ 300 ตัว
ข้อมูลจากองค์กรช่วยเหลือป้องกันการกระทำทารุณกรรมสัตว์แห่งสหรัฐฯ หรือ ASPCA ยังระบุด้วยว่า โดยเฉลี่ยแล้วจะมีสุนัขและแมว 6.5 ล้านตัวเข้ามาอยู่ในการดูแลของสถานดูแลสัตว์จรจัด และราว 1.5 ล้านตัวจะถูกทำการุณยฆาต รวมถึงสุนัข 670,000 ตัวและแมว 860,000 ตัว
ลินด์เซย์ แฮมริค ผู้อำนวยการด้านสถานดูแลสัตว์จรจัดและนโยบายขององค์กรต่อต้านการทำทารุณกรรมสัตว์ Humane Society of the United States บอกกับ MarketWatch ว่า ภายในสัปดาห์เดียวของเดือนเมษายน มียอดขอรับดูแลสัตว์เลี้ยงชั่วคราวสูงถึง 720 เปอร์เซ็นต์มากกว่าช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว และยอดการขอดูแลสัตว์เลี้ยงก็ค่อนข้างคงที่มาจนถึงปัจจุบัน และยังมีสัตว์เลี้ยงจรจัดที่ต้องเข้าสถานดูแลสัตว์น้อยลงมากในปีนี้อีกด้วย
เคที ฮันเซน ผู้อำนวยการด้านการสื่อสารของ The Animal Care Centers ระบุว่า มีสัตว์เลี้ยงที่ได้รับการดูแลชั่วคราวเพิ่มขึ้นถึง 113 เปอร์เซ็นต์เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว โดยในขณะที่ปีที่แล้ว มีสัตว์เลี้ยงที่ได้รับการดูแลชั่วคราวคิดเป็น 6 เปอร์เซ็นต์จากจำนวนสัตว์ทั้งหมดในสถานดูแล ปีนี้สัดส่วนดังกล่าวเพิ่มเป็น 25 เปอร์เซ็นต์ และยังมีผู้ที่รับดูแลสัตว์เลี้ยงชั่วคราวราว 31 เปอร์เซ็นต์ที่ตัดสินใจรับอุปการะสัตว์เลี้ยงเหล่านั้นเป็นการถาวร
สถานดูแลสัตว์จรจัดเหล่านี้ยังเห็นว่า “เมเจอร์” อาจเป็น “ทูตของสุนัขจากสถานดูแลสัตว์จรจัด” ได้ โดยแฮมริคระบุว่า การที่เมเจอร์ได้เข้ารั้วทำเนียบขาว นอกจากจะเป็นการสื่อว่า การรับสัตว์จากสถานดูแลสัตว์จรจัดมาเลี้ยงจะเป็นเรื่องธรรมดาปกติแล้ว ยังทำให้ผู้คนเห็นด้วยว่า พวกเขาสามารถหาสุนัขที่สวยงามและแข็งแรงเหมือนสุนัขในทำเนียบขาวได้ตามสถานดูแลสัตว์เหล่านี้เช่นกัน
แฮมริคยังกล่าวด้วยว่า ในช่วงสิบปีที่ผ่านมา เธอสังเกตว่าผู้คนตระหนักได้มากขึ้นว่า สัตว์เลี้ยงที่อยู่ตามสถานดูแลสัตว์จรจัดไม่ได้เป็น “ตัวปัญหา” เหมือนที่เคยเชื่อกัน โดยสุนัขและแมวส่วนใหญ่ที่ต้องมาอยู่ตามสถานดูแลสัตว์จรจัด เนื่องจากเจ้าของเดิมตกงานหรือไม่สามารถหาที่อยู่อาศัยที่สามารถมีสัตว์เลี้ยงได้
ประเด็นนี้ยังเป็นประเด็นที่สถานดูแลสัตว์จรจัดกังวลในปีหน้าที่กำลังจะมาถึง เนื่องจากหากการยกเว้นการขับไล่ผู้เช่าที่ไม่สามารถจ่ายค่าเช่าได้ในช่วงโรคระบาดสิ้นสุดลง หรือหากมีการประกาศปิดเมืองครั้งต่อๆ ไปเพื่อรับมือกับการระบาดของไวรัส อาจทำให้ธุรกิจต้องปิดตัวและปลดพนักงานออกกันมากขึ้น
ฮานเซนกล่าวว่า มีเจ้าของสัตว์เลี้ยงนำสัตว์เลี้ยงมามอบให้สถานดูแลสัตว์เลี้ยงจรจัดมากขึ้นในช่วงไม่กี่เดือนมานี้ เนื่องจากพวกเขากังวลถึงการตกงาน ผลกระทบด้านการเงิน การที่ยังไม่ได้รับเงินช่วยเหลือรอบสองจากรัฐบาล หรือย้ายบ้านไปอยู่กับครอบครัวหรือเพื่อนที่ไม่สามารถมีสัตว์เลี้ยงหรือมีสัตว์เลี้ยงอยู่แล้วได้
ทาง Humane Society of the United States คาดการณ์ว่า ในช่วงต้นปีหน้า สัตว์เลี้ยง 10-11 ล้านตัวอาจไม่มีบ้านอยู่เนื่องจากเจ้าของถูกไล่ออกจากบ้าน โดยคำนวนจากจำนวนของผู้เช่าที่อาจถูกไล่ออกเมื่อมาตรการยกเว้นการขับไล่ผู้เช่าบ้านสิ้นสุดลง นอกจากนี้ องค์กรช่วยเหลือสัตว์ภาครัฐยังถูกลดงบประมาณ เช่น The Animal Care Centers ที่ถูดตัดงบไปสามล้านดอลลาร์เพื่อป้องกันการประกาศเลิกจ้างพนักงานชุดใหญ่ โดยเธอหวังว่า เจ้าหน้าที่รัฐจากการเลือกตั้งจะให้ความสำคัญต่อสถานดูแลสัตว์เลี้ยงเหล่านี้