ทางการยูเครน ระบุว่ารัสเซียโจมตีโบสถ์เก่าแก่ในเคอร์ซอน ทำให้มีผู้บาดเจ็บอย่างน้อย 7 คน ขณะที่การโจมตีท่าเรือในอิซมาอิลโดยรัสเซียเมื่อวันพุธทำลายผลผลิตธัญพืชราว 40,000 ตัน
หน่วยงานฉุกเฉินของยูเครน รายงานว่ามีการโจมตีบริเวณโบสถ์ St. Catherine’s Cathedral เป็นเหตุให้เจ้าหน้าที่ทีมกู้ภัย 4 คนได้รับบาดเจ็บระหว่างการเข้าควบคุมเพลิงไหม้ที่โบสถ์ที่ถูกโจมตีดังกล่าว
โอเล็กซานเดอร์ โพรคูดิน ผู้ว่าการเขตปกครองเคอร์ซอน กล่าวว่ามีผู้บาดเจ็บอีก 3 คนที่เดินทางมากับรถรางที่เคลื่อนผ่านโบสถ์ดังกล่าวในช่วงที่เกิดเหตุโจมตี
ทั้งนี้ การโจมตีโบสถ์ยูเครน เกิดขึ้นหลังจากรัสเซียโจมตีด้วยขีปนาวุธที่เข้าถล่มโบสถ์สปาโซ-พรีโอบาเซนสกี (Spaso-Preobrazhenskyi Cathedral) หรือ โบสถ์แห่งการแปรสภาพ ซึ่งโบสถ์ดังกล่าวถือเป็นโบสถ์ใหญ่ที่สุดในโอเดสซา ที่ถูกจัดเป็นหนึ่งในสถานที่มรดกโลกขององค์การยูเนสโกด้วย
ขณะที่กรุงเคียฟเมืองหลวงยูเครน ทางการกรุงเคียฟเผยว่ารัสเซียโจมตีด้วยโดรนต่อเนื่องเป็นวันที่ 2 แต่ไม่มีรายงานความเสียหายหรือผู้บาดเจ็บแต่อย่างใด โดยกองทัพยูเครนระบุว่าได้ยิงโดรนชาเฮดตกไปราว 15 ลำในการโจมตีช่วงข้ามคืน
ทางประธานาธิบดียูเครน โวโลดิเมียร์ เซเลนสกี กล่าวว่ายูเครน “พยายามอย่างเต็มที่กับประเทศหุ้นส่วนเพื่อเพิ่มระบบป้องกันตนเองทางอากาศ”
อีกด้านหนึ่ง ฝั่งรัสเซียเผยว่ามีรายงานการโจมตีด้วยโดรนจากฝั่งยูเครนในเขตปกครองคาลูกา ห่างจากกรุงมอสโกราว 150 กิโลเมตร โดยผู้ว่าการเขตปกครองคาลูกาวยาเชสลาฟ ชาพชา เปิดเผยผ่านเทเลแกรมว่าระบบป้องกันทางอากาศรัสเซียยิงโดรน 6 ลำตกไป และไม่มีรายงานผู้เสียชีวิตจากเหตุโจมตีล่าสุดนี้
- มีเนื้อหาบางส่วนจากเอพี เอเอฟพี และรอยเตอร์