นกแก้วมาคอว์ตัวสุดท้ายในริโอ้กำลังโดดเดี่ยวและโหยหาความรัก

A blue-and-yellow macaw grooms a red-and-green macaw, inside an enclosure at BioParque, in Rio de Janeiro, Brazil, May 5, 2021.

Your browser doesn’t support HTML5

Wild Macaw


เชื่อกันว่านกแก้วมาคอว์สีน้ำเงินเหลืองที่บรรดาผู้ดูแลสวนสัตว์ในเมืองริโอ้ เดอจาเนโร ในประเทศบราซิลตั้งชื่อให้ว่า “จูเลียต” นั้นเป็นนกป่าสายพันธุ์นี้ตัวเดียวที่ยังหลงเหลืออยู่ในเมืองนี้ ซึ่งก่อนนี้เคยเป็นที่ที่นกสามารถบินได้อย่างกว้างไกล

เกือบทุกเช้าในช่วง 20 ปีที่ผ่านมาจูเลียตจะปรากฏตัว โดยจะโฉบเข้าไปใกล้กรงนกมาคอว์เพื่อทำความสะอาดขนให้นกตัวอื่นจนมองดูเหมือนว่ากำลังสนิทสนมกัน บางครั้งมันก็แค่นั่งมองดูนกตัวอื่นๆ อย่างเพลิดเพลิน จูเลียตเป็นนกที่เงียบ และขี้อาย มากกว่าที่จะส่งเสียงดัง

Neiva Guedes ผู้อำนวยการสถาบัน Hyacinth Macaw ซึ่งเป็นกลุ่มอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมกล่าวว่านกมาคอว์สีน้ำเงินเหลืองมีช่วงอายุประมาณ 35 ปี ที่จริงแล้วจูเลียตน่าจะมีคู่ไปตั้งแต่เมื่อหลายปีก่อน เพื่อที่จะได้สร้างรังหรือออกลูก แต่มันก็หาคู่ไม่ได้ ดังนั้นมันจึงได้แต่ออกเดทไปเรื่อยๆ

Guedes ซึ่งเป็นผู้ประสานงานโครงการวิจัยนกมาคอว์ในเขตเมืองบอกอีกว่านกชนิดนี้เป็นนกที่ชอบเข้าสังคม ซึ่งหมายความว่าพวกมันไม่ชอบอยู่ตัวเดียวไม่ว่าจะอยู่ตามธรรมชาติหรือในกรงก็ตาม พวกมันต้องการเพื่อนอยู่เสมอ และจูเลียตก็อาจจะรู้สึกเหงาอย่างมาก มันจึงมักเข้าไปที่กรงนกเพื่อสื่อสารและปฏิสัมพันธ์กับนกตัวอื่นๆ

Marcelo Rheingantz นักชีววิทยาจากมหาวิทยาลัย Federal University of Rio de Janeiro ให้ข้อมูลว่านอกจากจูเลียตแล้ว นกมาคอร์สีน้ำเงินเหลืองตัวอื่นๆ ที่โบยบินอย่างอิสระเสรีในริโอ้ถูกพบเห็นครั้งสุดท้ายเมื่อปีค.ศ. 1818 โดยนักธรรมชาติวิทยาชาวออสเตรีย และไม่มีนกมาคอว์ชนิดอื่นๆ เหลือในเมืองนี้อีก

ส่วนนกมาคอว์ในภาพยนตร์เรื่อง Rio ที่เข้าฉายเมื่อปี 2011 นั้นเป็นนกสปิกซ์มาคอว์ ซึ่งมีถิ่นกำเนิดในภูมิภาคอื่นของประเทศบราซิลและอาจสูญพันธุ์ไปในป่าแล้ว

ทั้งนี้ การที่มีเสียงดังและมีสีขนที่สวยงามช่วยให้นกมาคอว์หากันเจอได้ในป่าทึบ แต่ก็ทำให้พวกมันตกเป็นเป้าของนักล่าสัตว์และผู้ค้าสัตว์ได้ง่ายขึ้นเช่นเดียวกัน นกชนิดนี้มักจะพบเห็นได้ตามรัฐต่างๆ ของประเทศบราซิลและทั่วป่าอะเมซอน และคาดว่าจูเลียตคงจะหนีออกมาจากกรงที่ไหนสักแห่งก็เป็นได้

นักชีววิทยาที่สวนสัตว์เปิด BioParque ไม่แน่ใจว่าจูเลียตเจาะจงไปสนิทสนมกับนกโรมิโอที่อยู่ในกรงตัวเดียวหรือไม่ และพวกเขายังไม่แน่ใจด้วยซ้ำว่าจูเลียตเป็นตัวผู้หรือตัวเมีย เพราะเพศของนกมาคอว์นั้นแทบจะบอกด้วยสายตาไม่ได้เลย แต่จะต้องมีการทดสอบทางพันธุกรรมของขนหรือเลือดหรือการตรวจอวัยวะสืบพันธุ์

หลังจากการกักตัวและการห้ามเดินทางในช่วงวิกฤติโควิด-19 เป็นเวลานานกว่าหนึ่งปี ความงดงามของการบินโดยปราศจากข้อจำกัดได้เป็นที่ประจักษ์ต่อสายตาของมนุษย์ Guedes กล่าวอีกว่านกมาคอว์ต่างคุ้นเคยกับการบินระยะทางไกลวันละมากกว่า 30 กิโลเมตร

เมื่อปีที่แล้ว BioParque ให้นกมาคอว์ได้มีพื้นที่เพิ่มมากขึ้น โดยใช้กรงนกขนาด 1,000 ตารางเมตรให้นกมาคอว์ได้บินเคียงข้างนกแก้วสีเขียว และนกแก้วตัวเล็กสีทองจนเป็นฝูงนกสีสันสวยงาม ซึ่งถือว่าเป็นการปรับปรุงครั้งใหญ่จากที่เคยใช้กรงขนาดประมาณ 9 ตารางเมตรเท่านั้น

ทั้งนี้ องค์กร Refauna ซึ่งนำสัตว์กลับมาสู่พื้นที่คุ้มครองโดยมุ่งเน้นที่การสร้างระบบนิเวศขึ้นมาใหม่ ได้ร่วมงานกับ BioParque เพื่อเริ่มเพาะพันธุ์นกมาคอว์สีน้ำเงินเหลืองโดยวางแผนที่จะให้พ่อแม่นกเลี้ยงลูกนกจำนวน 20 ตัวซึ่งจะได้รับการฝึกในเรื่องการหาแหล่งอาหารในป่า เรียนรู้อันตรายจากนักล่า และการหลบหลีกสายไฟ จากนั้นลูกนกทั้งหลายจะถูกปล่อยไปยัง Tijuca Forest National Park อุทยานแห่งชาติขนาดใหญ่ของนครริโอซึ่งเคยมีคนเห็นจูเลียตอยู่ที่นั่น

หลังจากที่เกิดความล่าช้าเนื่องจากการเกิดโรคระบาดใหญ่ โครงการนี้จึงได้เริ่มต้นขึ้นใหม่อย่างช้าๆ และคาดว่าจะปล่อยนกมาคอว์สีน้ำเงินเหลืองในอุทยานแห่งชาติ Tijuca ได้ในช่วงปลายปี 2022

ดังนั้นหลังจากที่อยู่อย่างสันโดษมานานสองทศวรรษ นกจูเลียตจะได้มีโอกาสบินไปกับเพื่อนๆ ของมันเสียที และจูเลียตยังอาจสอนวิธีการสำรวจป่าให้นกตัวอื่นๆ หรือแม้แต่อาจหาคู่ให้กับตัวเองได้เสียทีอีกด้วย