สำนักข่าวเอพีนำเสนอชีวิตของอิมาน เคลิฟ นักชกหญิงทีมชาติแอลจีเรียที่กำลังถูกตั้งคำถามว่า ‘เป็นผู้ชายเกินไป’ สำหรับมวยหญิงหรือไม่ รวมถึงสภาพปัญหาของเกณฑ์การแข่งขันที่ทำให้เวทีมวยหญิงโอลิมปิกในคืนวันพฤหัสบดี กลายเป็นเวทีต่อยตีกันทางความคิดว่าด้วยเรื่องของเพศและกีฬา
เมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา แองเจลา คารินี นักชกทีมชาติอิตาลี ประกาศยอมแพ้หลังแข่งขันกับอิมาน เคลิฟ จากแอลจีเรียได้เพียง 46 วินาที หลังจากถูกชกเข้าไปที่จมูก ต่อมาเธอระบุว่า หมัดดังกล่าวทำให้เธอตัดสินใจว่าไม่สามารถแข่งจนจบได้
การประกาศยอมแพ้ ข้อมูลเรื่องความผิดปกติทางโครโมโซมของเคลิฟ และภาพลักษณ์ที่คล้ายกับผู้ชายของนักชกแอลจีเรีย กระตุกปมโต้เถียงอันแหลมคมบนโลกกีฬา ว่าด้วยการขีดเส้นที่เหมาะสมเรื่องเพศสภาพและเพศสภาวะในประเภทกีฬาต่าง ๆ
คำถามจึงพุ่งปมไปที่ตัวตนของเคลิฟ และกฎเกณฑ์การคัดเลือกนักกีฬาเข้ามาแข่งขันในประเภทหญิง
เคลิฟเกิดในปี 1999 ในพื้นที่ชนบททางตะวันตกเฉียงเหนือของแอลจีเรีย โดยสูติบัตรและหนังสือเดินทางระบุว่าเธอมีเพศหญิง และมีความชื่นชอบในกีฬามวยมาตั้งแต่วัยเด็ก
เธอเริ่มได้รับความสนใจจากทีมชาติจากแมทช์เปิดตัวในทัวร์นาเมนท์ระดับเมเจอร์เมื่อปี 2018 ที่จัดโดยสมาคมมวยสากลนานาชาติ (AIBA ต่อมาเปลี่ยนชื่อเป็น IBA) ซึ่งเธอพ่ายแพ้ถึงห้าครั้งจากการแข่งขันทั้งหมดหกครั้ง แต่ก็พัฒนาตัวเองขึ้นมาหลังจากนั้น
เมื่อปี 2021 เคลิฟเป็นหนึ่งในสามตัวแทนทีมชาติไปแข่งโอลิมปิกที่กรุงโตเกียว โดยสามารถเอาชนะแมทช์แรกได้ ก่อนที่จะไปแพ้ในรอบต่อไปให้กับเคลลี แฮร์ริงตัน จากไอร์แลนด์ ที่ได้เหรียญทองในการแข่งในท้ายที่สุด
ในแง่วิชาชีพ ถึงแม้เธอเป็นนักมวยฝีมือดีที่เคยแข่งขันในเวทีระดับภูมิภาคและนานาชาติมาแล้วหลายเวที แต่เคลิฟก็ไม่ได้เป็นที่รู้จักในฐานะมวยหมัดหนักหรือแชมเปียนที่ครองวงการ จนกระทั่งเหตุการณ์ที่กรุงปารีสดังกล่าว
เคลิฟเคยถูก IBA ตัดสิทธิ์การแข่งขันแบบกะทันหันในปี 2023 ขณะเข้าถึงรอบชิงชนะเลิศในเวทีระดับโลก โดยสมาคมมวยสากลนานาชาติให้เหตุผลว่าเธอมีระดับของฮอร์โมนเทสโทสเทอโรนสูงเกินไป ซึ่งถือเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นน้อยมาก โดยในตอนนั้น เคลิฟเรียกการตัดสิทธิ์ดังกล่าวว่่าเป็น “การสมคบคิดกันครั้งใหญ่”
ในทัวร์นาเมนท์นั้น เธอแข่งขันโดยไม่มีปัญหาอะไร จนกระทั่งเอาชนะอเซเลีย อามิเนวา จากรัสเซีย และ IBA ในเวลานั้นอยู่ภายใต้อิทธิพลของอูมาร์ เกรมเลฟ ชาวรัสเซียที่นำรัฐวิสาหกิจด้านพลังงานของรัสเซียชื่อ Gazprom มาเป็นผู้สนับสนุนหลักของสมาคม รวมถึงโอนย้ายส่วนงานจำนวนมากของสมาคมไปอยู่ในรัสเซีย
เอพีรายงานว่ากรณีของเคลิฟนั้นมีความกำกวมอยู่มาก นอกจากนั้น การพิจารณาตัดสิทธิ์ของ IBA ก็ถูกครหามาแล้วหลายกรณีว่าไม่มีความโปร่งใสและให้ข้อมูลเกี่ยวกับการตัดสินเพียงเล็กน้อย ทำให้คำตัดสินของ IBA ไม่ได้รับการยอมรับในเวทีโอลิมปิก จนถูกตัดขาดจากมหกรรมโอลิมปิกในปี 2019
ในกรณีของเคลิฟ คณะกรรมการโอลิมปิกสากล (IOC) พิจารณาว่า การระบุเพศตามกำเนิด และเพศในหนังสือเดินทางที่เป็นเพศหญิง ถือว่าผ่านเกณฑ์สำหรับการชกในประเภทหญิง
ในวันศุกร์ IOC เผยแพร่เอกสารที่ระบุว่า เคลิฟมีเพศหญิง แต่มีพัฒนาการทางเพศในแบบที่แตกต่าง (Differences in sex development หรือ DSDs) ซึ่งไม่ถือว่าเข้าข่ายคนข้ามเพศ อ้างอิงตามการรายงานของสื่อ USA Today
หน่วยงานสุขภาพแห่งชาติแห่งสหราชอาณาจักรระบุว่า DSD คืออาการที่พบเห็นได้น้อย ซึ่งเกี่ยวข้องกับยีน ฮอร์โมน และอวัยวะที่เกี่ยวกับการสืบพันธุ์ รวมไปถึงอวัยวะเพศ ที่ทำให้ผู้มีอาการ จะมีพัฒนาการทางเพศที่แตกต่างไปจากผู้คนส่วนใหญ่
นับตั้งแต่โอลิมปิก 2021 องค์กรกำกับดูแลกีฬาหลายชนิดได้แก้ไขเกณฑ์การเข้าร่วมแข่งขัน โดยทุกองค์กรไม่อนุญาตให้นักกีฬาที่ผ่านการข้ามวัยเด็กในฐานะเพศชายแล้วแปลงเพศเป็นหญิง ให้เข้าแข่งขันกีฬาประเภทหญิง รวมถึงเพิ่มความเข้มงวดในการตรวจสอบระดับเทสโทสเทอโรนนักกีฬาหญิงที่มีเงื่อนไขทางสุขภาพจนทำให้มีลักษณะเหมือนเพศชาย
อย่างไรก็ตาม IOC ที่ได้ให้ข้อเสนอแนะกับหลายองค์กรกีฬาไปเมื่อปี 2021 กล่าวในสัปดาห์นี้ว่า ยังคงไม่มีฉันทามติใด ๆ ทั้งในทางการเมืองและวิทยาศาสตร์ เกี่ยวกับเรื่องเพศและความเป็นธรรมในการแข่งขัน
สำหรับคู่แข่งคนต่อไปของเคลิฟ คืออันนา ลูกา ฮาโมรี จากฮังการี ที่จะขึ้นชกกันในวันเสาร์ โดยเธอระบุว่า ไม่กลัว และไม่แคร์เรื่องราวที่กำลังพูดคุยกันบนโซเชียลมีเดีย
ส่วนคารินีที่ถอนตัวไป ต่อมาออกมาขอโทษที่ไม่ได้จับมือกับเคลิฟหลังการแข่งขัน และกล่าวว่า “ความวุ่นวายทั้งหมดนี้ทำให้ฉันเสียใจ”
- ที่มา: เอพี
- ข้อมูลเพิ่มเติมจาก USA Today