ใกล้เข้าสู่เทศกาลแห่งความสุขไม่ว่าจะคริสต์มาสและปีใหม่กันแล้ว ซึ่งการเลือกเฟ้นของขวัญที่ถูกอกถูกใจผู้รับและถูกกระเป๋าผู้ให้ในช่วงเวลาที่เงินเฟ้อพุ่งทะยานแบบนี้เป็นเรื่องที่ยากเย็นขึ้นทุกที
ฤดูการช้อปปิ้งในช่วงเทศกาลวันหยุดนี้ดูเหมือนว่าจะยาวนานขึ้น มีราคาแพงขึ้น และวุ่นวายมากขึ้นกว่าปีก่อน ๆ ในหลายด้าน ซึ่งจะทำให้มีการใช้จ่ายมากเกินกว่าเหตุไปได้ง่าย แต่ก็ยังมีโอกาสที่เทศกาลช้อปปิ้งปีนี้จะประหยัดขึ้นได้อย่างมาก หากทราบแหล่งจับจ่ายว่าจะซื้อหาอะไรได้ที่ไหนบ้าง
จิล คาทาลโด (Jill Cataldo) ผู้เชี่ยวชาญด้านคูปองส่วนลดสำหรับผู้บริโภคในนครชิคาโกกล่าวว่า ปัจจุบัน "มีปัญหาในเรื่องของห่วงโซ่อุปทาน เงินเฟ้อ ผู้ค้าปลีกรายใหญ่ลดจำนวนสินค้าคงคลังลงไป และเมื่อนำทุกอย่างมารวมเข้าด้วยกัน ก็ดูเหมือนเป็นสูตรสำเร็จสำหรับภัยพิบัติของขาช้อปกันเลยทีเดียว"
ซึ่งทางออกของเรื่องนี้ของเธอก็คือ การเริ่มซื้อของตั้งแต่ตอนนี้ หากเห็นว่ามีสินค้าบางอย่างที่มีส่วนลดที่น่าสนใจก็ซื้อได้เลยทันที นั่นเป็นเพราะในขณะที่ราคาสินค้าโดยรวมสูงขึ้น บรรดาผู้ค้าปลีกได้เปิดตัวโปรโมชั่นสำหรับช่วงเทศกาลวันหยุด เพื่อกระจายส่วนลดและยอดขายในช่วงสามเดือนสุดท้ายของปี
ข้อแนะนำต่อไปนี้คือ 5 วิธีที่ดีที่สุดในการประหยัดเงินในช่วงเทศกาล Black Friday:
1. ควรซื้อของแต่เนิ่น ๆ และซื้อบ่อย ๆ
การเริ่มซื้อของตั้งแต่เนิ่น ๆ นั้นจะช่วยลดผลกระทบต่องบประมาณที่วางแผนไว้ และช่วยให้หาส่วนลดที่ดีที่สุดได้
คาทาลโดบอกว่า เธอจะดูราคาสินค้า และดูว่าร้านไหนที่ขายถูกที่สุด และมักจะหาคูปองก่อนซื้อเสมอ ไม่ว่าจะลดมากลดน้อยก็ยังดีกว่าที่จะต้องจ่ายราคาเต็ม แต่ถึงแม้ว่าเธอจะซื้อของตั้งแต่เนิ่น ๆ แต่ก็จะเก็บใบเสร็จไว้ให้หาได้ง่าย ๆ ในกรณีที่ราคาสินค้าลดลงอีก และผู้ค้าปลีกร้านนั้น ๆ มีนโยบาย Price Match หรือการคืนเงินค่าซื้อสินค้าในส่วนต่างหากพบว่าร้านอื่นขายถูกกว่า
2. เปรียบเทียบราคาอยู่เสมอ
การใช้แอปพลิเคชันและเครื่องมืออื่น ๆ จะช่วยให้ติดตามและเปรียบเทียบราคาได้ เพียงแค่ต้องเลือกวิธีที่ชอบใช้มากที่สุด ซึ่งจะคอยแจ้งเตือนหากมีสินค้าที่ราคาต่ำกว่า หรือให้รหัสคูปอง และแจ้งให้ทราบหากมีข้อเสนอ Cash Back หรือ การได้เงินคืนจากการซื้อของ
ตัวอย่างเช่น แอพซื้อของ ShopSavvy จะคอยติดตามการเปลี่ยนแปลงราคาสำหรับสินค้าบางรายการ ซึ่งจอห์น บอยด์ (John Boyd) ผู้ร่วมก่อตั้งและ CEO ของ Monolith Technologies ที่เป็นเจ้าของ ShopSavvy กล่าวว่า เขาใช้ฟีเจอร์นี้กับสิ่งที่เขาสนใจ เช่น กล้อง DSLR ซึ่งเขาต้องการรับการแจ้งเตือนในทันทีที่เมื่อสินค้าเหล่านั้นลดราคา เพราะอาจจะลดราคาเพียงไม่กี่นาทีเท่านั้น จากนั้นสินค้าก็จะขายหมดในทันที นอกจากนี้ ยังมีแอพ Camelizer ที่มีลักษณะการทำงานที่คล้ายคลึงกันสำหรับเปรียบเทียมราคาสินค้าใน Amazon โดยเฉพาะ
3. การใช้คูปองหรือข้อเสนอคืนเงินหลังช้อป (Cash Back)
การที่ได้รับข้อเสนอที่ดีไม่ใช่แค่ในเรื่องราคาเท่านั้น แต่ยังสามารถประหยัดเงินด้วยวิธีอื่น ๆ เช่นการใช้คูปองส่วนลด หรือซื้อสินค้าที่มีข้อเสนอ Cash Back
คาทาลโด มักใช้ประโยชน์จากข้อเสนอ Cash Back ผ่านแอพเช่น Rakuten, CouponCabin และ Ibotta ซึ่งการใช้แอปเหล่านี้ เป็นเพียงอีกขั้นตอนเดียวที่ต้องทำเพิ่มในการซื้อของออนไลน์ จากนั้นก็จะได้รับเช็คเงินคืน ซึ่งเป็นเงินที่ได้คืนมาจากการซื้อของที่มีข้อเสนอ Cash Back
สก็อต คลัท (Scott Kluth) ผู้ก่อตั้งและ CEO ของ CouponCabin กล่าวว่าร้านค้าที่มีสินค้าคงคลังมากเกินไปมักจะมีส่วนลด 10% ถึง 15% และข้อเสนอ Cash Back จะมีตั้งแต่ 3% ไปจนถึง 20% และว่าในบางครั้งผู้ค้าปลีกออนไลน์ยอมรับรหัสคูปองหลายรายการพร้อมทั้งจัดส่งฟรีให้อีกด้วย
4. ทำความรู้จักกับร้านค้าในท้องถิ่น
เดบรา ไวน์สวิก (Deborah Weinswig) CEO และผู้ก่อตั้ง Coresight Research ซึ่งเป็นบริษัทวิจัยและให้คำปรึกษาด้านการค้าปลีกกล่าวว่า การทำความรู้จักกับร้านค้าในท้องถิ่นและเข้าร่วมกิจกรรมต่าง ๆ อาจเป็นวิธีที่ได้ส่วนลดที่มากที่สุด เธอบอกว่า “ผู้จัดการร้านค้าจะสามารถการเจรจาต่อรองและทำ Price Match ให้ได้” โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อร้านค้าเหล่านั้นมีสินค้าคงคลังล้นสต็อก
เธอแนะนำด้วยว่า ให้เข้าร่วมการไลฟ์สด เพื่อติดตามแบรนด์โปรดของตนบนโซเชียลมีเดีย และสมัครรับข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับการลดราคาต่าง ๆ
อย่างไรก็ตาม รหัสส่วนลดบางรหัสสามารถใช้ได้เพียง 24 ชั่วโมง และสำหรับบางราคาใช้ได้เพียง 4 ชั่วโมงเท่านั้น” ดังนั้นหากต้องการข้อเสนอที่ดีที่สุด ก็ต้องเตรียมตัวให้พร้อมที่จะจับจ่ายอย่างรวดเร็ว
5. เปิดใจกับญาติมิตรเกี่ยวกับแผนลดการช้อปปิ้งช่วงเทศกาล
การที่ผู้คนจำนวนมากรู้สึกเครียดกับการขึ้นราคาของสินค้าช่วงเทศกาล จึงเป็นการดีที่จะพูดคุยกับครอบครัวและเพื่อนฝูงเกี่ยวกับการกำหนดราคาของขวัญด้วย
สำหรับซาราห์ ชเวสทัล (Sarah Schweisthal) ผู้จัดการโซเชียลมีเดียของแอปพลิเคชันจัดทำงบประมาณ You Need Budget บอกว่า การเปิดใจพูดคุยตรง ๆ ทำให้มีการแลกเปลี่ยนของขวัญกับสมาชิกในครอบครัว โดยแต่ละคนจะต้องซื้อของขวัญเพียงชิ้นเดียวภายในวงเงินที่ตกลงกันไว้ และว่าวิธีการแลกเปลี่ยนของขวัญนั้น ช่วยประหยัดเงินให้ครอบครัวของเธอได้หลายร้อยดอลลาร์ และโดยเฉพาะอย่างยิ่งในปีนี้ ซึ่งเป็นปีที่มีความสำคัญมากกว่าที่เคย
- ที่มา: เอพี