เมื่อวันศุกร์ คณะลูกขุนสหรัฐฯ ตัดสินยกฟ้อง นายไคล์ ริทเทนเฮาส์ ชายวัย 18 ปี ในทุกข้อหา หลังจากที่เขาให้การว่าเขาป้องกันตนเอง จากคดีที่เขาใช้ปืนไรเฟิลกึ่งอัตโนมัติยิงผู้คนเสียชีวิตสองคน และบาดเจ็บอีกหนึ่งคน ในเมืองเคโนชา รัฐวิสคอนซิน ซึ่งเป็นเหตุการณ์ต่อเนื่องจากแรงกระเพื่อมของการเคลื่อนไหว Black Lives Matter
สำนักข่าว The Associated Press รายงานว่าคดีดังกล่าวจุดชนวนให้เกิดการโต้เถียงเกี่ยวกับปืน รวมถึงการก่อเหตุโดยพลการ และความอยุติธรรมทางเชื้อชาติ โดยคำตัดสินดังกล่าวทำให้คนกลุ่มหนึ่งโกรธและผิดหวัง โดยคนกลุ่มนี้มองว่าริทเทนเฮาส์เป็นผู้ลงมือโดยพลการ และบทบาทตำรวจตามอำเภอใจ
อย่างไรก็ตาม ก็มีคนอีกกลุ่มหนึ่งที่รู้สึกโล่งใจต่อคำตัดสิน โดยคนกลุ่มนี้มองว่า พวกเขาต้องการยุติสภาวะไร้กฎหมายและมองว่า นายริทเทนเฮาส์ใช้สิทธิตามบทแก้ไขรัฐธรรมนูญครั้งที่สอง ในการถือปืนและปกป้องตนเอง
ทั้งนี้ นายริทเทนเฮาส์ถูกตั้งข้อหาฆาตกรรม พยายามฆ่า และก่อให้เกิดอันตรายโดยประมาท โดยใช้ปืนไรเฟิลกึ่งอัตโนมัติสังหารชายสองคน และทำให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บอีกหนึ่งคน ในช่วงฤดูร้อนปีที่แล้วที่เกิดการเคลื่อนไหว “Black Lives Matter” เพื่อเรีกร้องความยุติธรรมให้กับคนดำทั่วประเทศ หลังชายแอฟริกันอเมริกัน จอร์จ ฟลอยด์ ถูกตำรวจใช้ความรุนเเรงจนเสียชีวิตที่รัฐมินเนโซตา
และที่รัฐวิสคอนซินเองในตอนนั้นเกิดเหตุประท้วงกรณีที่ตำรวจผิวขาวยิงนายเจค็อบ เบลค ชายผิวดำ จนได้รับบาดเจ็บสาหัส โดยนายริทเทนเฮาส์อายุ 17 ปีขณะก่อเหตุ
นายริทเทนเฮาส์ ซึ่งเป็นอดีตนักเรียนตำรวจเยาวชน ระบุว่า เขาไปที่เมืองเคโนชาเพื่อปกป้องทรัพย์สินจากผู้ก่อจลาจล โดยทั้งเขาและบุคคลทั้งหมดที่เขายิงเป็นคนผิวขาว ในขณะที่คณะลูกขุนที่ศาลไม่เปิดเผยว่าเป็นคนเชื้อชาติใด แต่เชื่อว่าส่วนใหญ่เป็นคนผิวขาว ใช้เวลาพิจารณาคดีนี้เกือบสามวันครึ่ง
ประธานาธิบดีโจ ไบเดน เรียกร้องให้ทุกคนอยู่ในความสงบหลังคำตัดสินดังกล่าว โดยระบุว่า แม้ผลการตัดสินอาจทำให้ชาวอเมริกันจำนวนมากรวมถึงตัวเขาเองรู้สึกโกรธและกังวล แต่ก็ต้องรับรู้ว่าคณะลูกขุนได้มีคำตัดสินไปแล้ว
ทั้งนี้ คำตัดสินของลูกขุนทำให้ไคล์ ริทเทนเฮาส์ รอดพ้นการถูกดำเนินคดี ที่หากตัดสินว่ามีความผิด เขาอาจต้องโทษจำคุกตลอดชีวิต ฐานฆ่าผู้อื่นโดยเจตนาและมีการไตร่ตรองไว้ก่อน ในขณะที่คดีอีกสองข้อหาที่เขาเผชิญ มีโทษจำคุกกว่า 60 ปี
(ที่มา: สำนักข่าว The Associated Press)