สำนักข่าว The Associated Press รายงานว่า เมื่อวันพฤหสับดี ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ลงนามในคำสั่งผู้นำฝ่ายบริหาร 10 ฉบับ เพื่อรับมือกับการระบาดของเชื้อโคโรนาไวรัสสายพันธุ์ใหม่
คำสั่งทั้ง 10 ฉบับ ครอบคลุมถึงการเพิ่มการฉีดวัคซีนและการตรวจหาเชื้อโคโรนาไวรัสสายพันธ์ใหม่ การปูแผนเพื่อเตรียมกลับมาเปิดโรงเรียนและธุรกิจอีกครั้ง รวมถึงการเพิ่มการสวมหน้ากาก และกำหนดให้ประชาชนต้องสวมหน้ากากขณะเดินทางท่องเที่ยว คำสั่งดังกล่าวยังครอบคลุมประเด็นความไม่เท่าเทียมทางสาธารณสุขในชุมชนคนกลุ่มน้อยที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของไวรัสอีกด้วย
Your browser doesn’t support HTML5
ทั้งนี้ ไบเดนประกาศว่าจะใช้มาตรการควบคุมการระบาดของไวรัสเชิงรุกมากกว่ารัฐบาลชุดก่อน โดยเริ่มจากการให้มีการปฏิบัติตามคำแนะนำทางสาธารณสุขมากขึ้น อย่างไรก็ตาม ไบเดนต้องดำเนินการท่ามกลางความท้าทาย ในขณะที่ไวรัสยังคงระบาดในหลายรัฐทั่วประเทศอย่างต่อเนื่อง โครงการฉีดวัคซีนที่ช้ากว่ากำหนด และความไม่แน่นอนทางการเมืองว่า ส.ส. พรรคริพับลิกันจะช่วยผ่านแผนฟื้นฟูเศรษฐกิจที่ได้รับผลกระทบจากไวรัสระบาดมูลค่า 1.9 ล้านล้านดอลลาร์หรือไม่
ทีมงานด้านโควิด-19 ยังสรุปรายงานให้ไบเดนและรองประธานาธิบดีคามาลา แฮร์ริส เกี่ยวกับสถานการณ์การฉีดวัคซีนทั่วประเทศล่าสุด ทั้งนี้ ประธานาธิบดีไบเดนตั้งเป้าว่า จะฉีดวัคซีนชาวอเมริกันให้ได้ 100 ล้านโดสภายใน 100 วันแรกของรัฐบาลของเขา
ทั้งนี้ โครงการฉีดวัคซีนให้ประชาชนในสหรัฐฯ เริ่มขึ้นตั้งแต่ช่วงกลางเดือนธันวาคม โดยเริ่มฉีดวัคซีนให้บุคลากรด้านสาธารณสุขที่ทำงานด่านหน้าและผู้พักอาศัยในบ้านพักคนชราก่อน ข้อมูลจากศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคสหรัฐฯ ระบุว่า มีการฉีดวัคซีนแล้ว 16.5 ล้านโดสจนถึงช่วงเช้าวันพุธตามเวลาท้องถิ่น
สำหรับวัคซีนทั้งสองสูตรที่สหรัฐฯ อนุมัติให้ใช้ได้เป็นการฉุกเฉินนั้น ผู้รับวัคซีนจะต้องได้รับวัคซีนสองโดส ถึงจะสามารถสร้างภูมิคุ้มกันอย่างมีประสิทธิภาพได้