สมาชิกในชุมชนชาวยิวและชาวมุสลิมในสหรัฐฯ ต่างหาทางรับมือกับการถูกคุกคามที่เพิ่มมากขึ้น ท่ามกลางภาวะสงครามอิสราเอล-ฮามาส ที่กำลังระอุ
สภาชาวอิสลามอเมริกันสัมพันธ์ หรือ CAIR (Council on American-Islamic Relations) ที่ต้องย้ายสถานที่จัดงานเลี้ยงประจำปีไปในสถานที่ ๆ ไม่มีการเปิดเผย หลังได้รับคำขู่ว่าจะมีการบุกรุกและวางระเบิด ซึ่งเป็นครั้งแรกในรองสองทศวรรษที่ต้องย้ายสถานที่กันเช่นนี้
เอ็ดเวิร์ด อาห์เหม็ด มิทเชลล์ รองผู้อำนวยการของ CAIR กล่าวว่าทางโรงแรมได้แจ้งกับเธอว่า ถูกขู่ว่าจะมีการวางระเบิดที่ลานจอดรถหรือไม่ก็บุกเข้าไปในโรงแรม “และการข่มขู่เหล่านี้มาจากกลุ่มสุดโต่งที่ต่อต้านมุสลิมและต่อต้านชาวปาเลสไตน์ ที่ไม่พอใจการสนับสนุนสิทธิมนุษยชนในปาเลสไตน์ขององค์กรเรา”
ไม่เพียงแค่ชุมชนชาวมุสลิมเท่านั้น คณะกรรมการชาวยิวอเมริกัน (American Jewish Committee) ก็ให้ข้อมูลด้วยว่า โบสถ์ชาวยิวบางแห่งต้องงดให้บริการทั้งทางออนไลน์และออฟไลน์ หลังถูกข่มขู่ว่าจะมีการวางระเบิด โดยมีเหตุผลสืบเนื่องจากสงครามในตะวันออกกลาง
คณะกรรมการดังกล่าว มีสายสัมพันธ์กับซาแมนธา โวล ประธานบอร์ดของโบสถ์ยิว Isaac Agree Downtown ที่เพิ่งถูกแทงเสียชีวิตในเมืองดีทรอยต์ เมื่อ 21 ตุลาคมที่ผ่านมา แม้ตำรวจจะยังไม่พบหลักฐานว่าเป็นอาชญากรรมที่เกิดจากความเกลียดชัง แต่ผู้นำชาวยิวต่างก็พากันระมัดระวังตัวกันมากขึ้น
ความหวาดกลัวที่กระจายในชุมชนทั้งสองศาสนา ได้ลุกลามไปถึงพื้นที่โรงเรียนเช่นกัน ชาซา คาน ตัวแทนจากสันนิบาตโรงเรียนอิสลามแห่งอเมริกา (Islamic Schools League of America) กล่าวว่ามีโรงเรียนอิสลามได้เปลี่ยนรูปแบบให้นักเรียนเข้าเรียนทางไกล หลังได้รับคำขู่ในลักษณะที่มีน้ำหนักและมีรายละเอียดชัดเจน
แดน มิทช์เนอร์ จากกลุ่ม Teach Coalition ซึ่งเป็นโครงการภายใต้สหภาพคริสต์ออร์โธดอกซ์ กล่าวว่า โรงเรียนยิวต้องการงบประมาณเพื่อสร้างมาตรการความปลอดภัยมากยิ่งขึ้น เช่น ติดตั้งเสาขวางรถ หรือกระจกนิรภัย
มิทช์เนอร์เรียกร้องให้ผู้นำทางการเมืองและศาสนาทั่วโลกประณามแนวคิดเกลียดชาวยิว เกลียดชาวมุสลิม และการใช้คำพูด และใช้ความรุนแรงจากความเกลียดชัง
- ที่มา: VOA