ญี่ปุ่นและเวียดนาม มีข้อตกลงกระชับความสัมพันธ์ด้านความมั่นคงและเศรษฐกิจเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา ท่ามกลางการขยายอิทธิพลในภูมิภาคของจีน ตามการรายงานของเอพี
นายกรัฐมนตรีของญี่ปุ่น ฟูมิโอะ คิชิดะ และประธานาธิบดีของเวียดนาม หวอ วัน เถือง ได้หารือกันที่กรุงโตเกียว และตกลงที่จะขยายความร่วมมือในด้านความมั่นคง การดำเนินงานด้านยุทโธปกรณ์ การถ่ายทอดเทคโนโลยี และยังได้เริ่มพูดคุยเรื่องโครงการช่วยเหลือด้านการทหารจากญี่ปุ่นแก่ประเทศกำลังพัฒนาที่มีแนวความคิดคล้ายกันในภูมิภาค
แถลงการณ์ร่วมที่ได้จากกระทรวงการต่างประเทศญี่ปุ่น ระบุว่า ความสัมพันธ์ของญี่ปุ่นและเวียดนาม ได้อยู่ในสถานะ “หุ้นส่วนยุทธศาสตร์รอบด้าน” ทำให้ความร่วมมือของสองประเทศอยู่ในระดับที่สูงขึ้น และพร้อมขยายความร่วมมือในประเด็นอื่น ๆ ต่อไป
เอพีรายงานว่า ที่ผ่านมา ญี่ปุ่นได้มีการเร่งสานสัมพันธ์กับเวียดนาม ในฐานะประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่มีบทบาทสำคัญในด้านเศรษฐกิจและความมั่นคง ในช่วงเวลาที่การแข่งขันระหว่างจีน กับสหรัฐฯ และประเทศตะวันตกทวีความเข้มข้นมากขึ้น
การประกาศเมื่อวันจันทร์ หมายความว่าสถานภาพความสัมพันธ์ที่เวียดนามมีกับญี่ปุ่น อยู่ในจุดที่เป็นหุ้นส่วนระดับสูงเทียบเท่ากับสหรัฐฯ จีน และอินเดีย
ในการแถลงข่าวร่วมกันระหว่างผู้นำทั้งสองชาติ นายกฯ คิชิดะกล่าวว่า เวียดนามคือ “หุ้นส่วนสำคัญในการสร้างภูมิภาคอินโด-แปซิฟิกที่เปิดกว้างและเสรี” ด้าน ปธน. เถือง กล่าวด้วยว่าการร่วมมืออย่างใกล้ชิดของสองประเทศจะทำให้เกิดสันติสุขและความเจริญรุ่งเรืองในภูมิภาค
ผู้นำของญี่ปุ่นและเวียดนามยังตกลงที่จะขยายความร่วมมือไปยังเรื่องการค้า การเปลี่ยนแปลงของภูมิอากาศ และเศรษฐกิจอีกด้วย
ไม่นานมานี้ ญี่ปุ่นได้มีการส่งมอบทั้งเรือลาดตระเวนให้เวียดนามและเรดาร์ตรวจการณ์ชายฝั่งให้กับฟิลิปปินส์ ซึ่งเป็นชาติเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่มีบทบาทสำคัญทางยุทธศาสตร์ความมั่นคง สืบเนื่องจากความขัดแย้งในประเด็นเกาะไต้หวันและพื้นที่ทะเลจีนใต้
เมื่อเดือนธันวาคมปีที่แล้ว รัฐบาลญี่ปุ่นที่นำโดยคิชิดะ ได้ประกาศยุทธศาสตร์ความมั่นคงใหม่ ที่มุ่งสร้างเสริมกำลังของกองทัพอย่างมีนัยสำคัญ รวมถึงด้านศักยภาพการโจมตีโต้ตอบกลับ ซึ่งเป็นจุดที่ถูกมองว่าเป็นการยกระดับหลักการการป้องกันตนเองที่ญี่ปุ่นยึดถือมาตั้งแต่สมัยสงครามโลกครั้งที่ 2
การเยือนญี่ปุ่นเป็นเวลา 4 วันของ ปธน.เถือง เกิดขึ้นในวาระเฉลิมฉลองครบรอบ 50 ปีความสัมพันธ์ทางการทูตของทั้งสองชาติ โดยเขามีกำหนดการเข้าเฝ้าฯ และร่วมรับประทานอาหารกลางวันกับสมเด็จพระจักรพรรดินารูฮิโตะและสมเด็จพระจักรพรรดินีมาซาโกะที่พระราชวังหลวง จากนั้นจะไปกล่าวปาฐกถาในสภาผู้แทนราษฎร และเยี่ยมชมโรงงานพลังงานไฮโดรเจนที่อยู่เมืองฟูกูโอกะ ที่ตั้งอยู่ทางตอนใต้ของญี่ปุ่น
- ที่มา: เอพี