นักธุรกิจชาวไอวอเรี่ยนมุ่งผลิตช็อคโกแลตขายทั่วแอฟริกา

นักธุรกิจชาวไอวอเรี่ยนมุ่งผลิตช็อคโกแลตขายทั่วแอฟริกา

ไอวอรี่ โคสท์ เป็นผู้ผลิตโกโก้รายใหญ่ที่สุดของโลกมานานหลายปีแล้ว และส่งออกโกโก้สดไปยังยุโรปเพื่อผลิตเป็นช็อคโกแลตชั้นดีราคาเเพง ที่ทำรายได้มากกว่าโกโก้สดถึง 50 เท่าตัว

ช็อคโกแลตเป็นขนมหวานที่คนชอบรับประทานกันทั่วโลก และ 2 ใน 3 ของช็อคโกแลตมาจากโรงงานในสหรัฐฯ เเละยุโรปตะวันตก ซึ่งยังเป็นเขตที่มีคนรับประทานช็อคโกเเลตมากที่สุดอีกด้วย แต่คนที่ไม่มีโอกาสได้ลิ้มลองขนมหวานยอดนิยมนี้กลับเป็นคนในประเทศต่างๆ ที่ปลูกโกโก้

ในแอฟริกา มีการบริโภคโกโก้น้อยมาก เเต่นักลงทุนชาวไอวอเรี่ยนคนหนึ่งกำลังวางแผนที่จะเปลี่ยนแปลงเรื่องนี้ แอกเซล เอ็มมานูเอล บาอู (Axel Emmanuel Gbaou) บอกว่าเขาเคยทำงานในธนาคารเอกชนจนกระทั่งปี ค.ศ. 2010 ก่อนที่จะตัดสินใจลงทุนทำธุรกิจผลิตช็อคโกแลต

บาอูชอบรับประทานช็อคโกแลตเพราะมารดาของเขามักได้ขนมหวานนี้มาจากนักบวชสอนศาสนาชาวสวิส เขาบอกว่า 80 เปอร์เซ็นต์ของเม็ดโกโก้ที่จะผลิตได้ในปีหน้า ถูกสั่งซื้อไปแล้วโดยบริษัทนานาชาติยักษ์ใหญ่ที่ขนส่งเม็ดโกโก้สดไปยังโรงงานเเห่งต่างๆ ที่ห่างไปอีกค่อนโลก

โกโก้ที่แปรรูปเป็นช็อคโกแลตแล้วหนึ่งกิโลกรัมทำเงินได้มากขึ้น 50 เท่าตัว เมื่อเทียบกับโกโก้สด เเละเขาต้องการให้เงินส่วนหนึ่งจากอุตสาหกรรมนี้ยังคงอยู่ในไอวอรี่ โคสท์

ในตึกแห่งหนึ่งซึ่งตั้งอยู่ใกล้กับตลาดแห่งหนึ่งในเขตโคโคดี (Cocody) ของเมืองอาบิจอง มีทั้งแผนกผลิตช็อคโกแลต แผนกบรรจุภัณฑ์เเละแผนกฝ่ายขาย บริษัทของบาอูขายช็อคโกแลตที่ผลิตได้ให้กับกลุ่มลูกค้าที่ขยายเพิ่มจำนวนอยู่ตลอดเวลา รวมทั้งสายการบินแอร์ ฟรานซ์ อีกด้วย

แต่ที่ไร่โกโก้ สถานการณ์ค่อนข้างเลวร้าย ราคาโกโก้ที่ขายในตลาดทั่วโลกลดลงมาตลอดสองปีที่ผ่านมา ทางการไอวอรี่ โคสท์ รับมือกับเรื่องนี้ด้วยการลดราคามาตรฐานของโกโก้สดต่อกิโลกรัมลงมา

ดูรู มบีโอ (N'dourou M'beo) นักปฐพีวิทยา ทำงานเป็นเจ้าหน้าที่ควบคุมคุณภาพที่บริษัทผลิตช็อคโกแลตของบาอู เขากล่าวว่าราคาโกโก้สดตอนนี้อยู่ที่กิโลกรัมละราว 1 ดอลล่าร์ 40 เซ็นต์สหรัฐฯ หรือประมาณ 42 บาท เป็นโกโก้สดที่ส่งออกจากประเทศทันทีหลังเก็บเกี่ยว

แต่หากโกโก้สดผ่านขั้นตอนการอบและเป่าเอากากออก ราคาจะขึ้นไปเป็นสามเท่าตัวของราคาโกโก้สดเเละเก็บเอาไว้ได้นานหลายเดือน ขณะนี้ทางบริษัทได้ใช้วิธีนี้ซึ่งช่วยให้ผู้ปลูกโกโก้มีงานเพิ่มขึ้นเเละได้รายได้เพิ่มขึ้นตามไปด้วย เเละยังช่วยให้บริษัทมีโกโก้ที่มีคุณภาพเเละมีเพียงพอในการผลิตช็อคโกเเลต

แม้ว่าตลาดช็อคโกแลตจะอยู่ห่างในทวีปอื่น เเต่เอกเซล บาอู มองว่าตลาดที่น่าสนใจมากที่สุดอยู่ที่ทวีปแอฟริกานี่เอง เขาบอกว่าในอีกสองปีข้างหน้า เขาต้องการขายช็อคโกแลตให้ได้ 100 ล้านแท่งทั่วทวีปแอฟริกา

เเม้ว่าตัวเลขนี้อาจดูสูงมาก เเต่ในทวีปแอฟริกามีคนอาศัยอยู่ถึงกว่าหนึ่งพันล้านคน เเละชนชั้นกลางในทวีปกำลังเติบโตอย่างรวดเร็ว พวกเขามีกำลังซื้อพอที่จะจ่ายเงิน 3 ดอลล่าร์สหรัฐฯ ซื้อช็อคโกแลตหนึ่งแท่ง หรือเกือบหนึ่งร้อยบาท เเละบาอูมองว่าความคาดหวังของเขานี้ไม่สูงเกินไปนัก

(เรียบเรียงโดยทักษิณา ข่ายแก้ว วีโอเอภาคภาษาไทยกรุงวอชิงตัน)