หลายประเทศในยุโรปและตะวันออกกลางประกาศมาตรการห้ามเที่ยวบินจากอังกฤษเข้าประเทศ สืบเนื่องจากความกังวลเกี่ยวกับโคโรนาไวรัสกลายพันธุ์ที่ระบาดอย่างรวดเร็วในอังกฤษในเดือนนี้
ไอร์แลนด์ อิตาลี ออสเตรีย เบลเยียม เนเธอร์แลนด์ คูเวต และอิสราเอล ต่างประกาศห้ามเที่ยวบินจากอังกฤษเข้าประเทศในช่วงสุดสัปดาห์นี้ ขณะที่หลายประเทศกำลังพิจารณามาตรการเดียวกัน
และในวันอาทิตย์ สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า กระทรวงสาธารณสุขอิตาลีเปิดเผยว่าพบผู้ติดเชื้อโคโรนาไวรัสสายพันธุ์เดียวกับที่ระบาดในอังกฤษ โดยผู้ป่วยผู้นี้เพิ่งเดินทางกลับมาจากอังกฤษเมื่อไม่กี่วันก่อนที่สนามบินในกรุงโรม และขณะนี้ถูกกักตัวไว้แล้ว
ขณะเดียวกัน นักวิทยาศาสตร์อังกฤษกำลังพยายามตรวจสอบว่าเชื้อโคโรนาไวรัสกลายพันธุ์นี้ดื้อต่อวัคซีนโควิด-19 ที่กำลังแจกจ่ายและฉีดให้กับประชาชนในหลายประเทศหรือไม่
นายกรัฐมนตรีอังกฤษ บอริส จอห์นสัน ประชุมฉุกเฉินร่วมกับคณะรัฐมนตรีเมื่อวันศุกร์เพื่อหารือด่วนเรื่องเชื้อไวรัสกลายพันธุ์ ซึ่งพบครั้งแรกเมื่อวันที่ 13 ธันวาคม ที่เมืองเคนท์ ทางใต้ของอังกฤษ ก่อนที่จะระบาดอย่างรวดเร็ว
ผู้นำอังกฤษแถลงข่าวเมื่อวันเสาร์ว่า เชื้อโคโรนาไวรัสกลายพันธุ์นี้สามารถติดต่อได้ง่ายกว่าเชื้อไวรัสชนิดก่อนราว 70% แต่ไม่มีหลักฐานว่าดื้อต่อวัคซีนที่กำลังแจกจ่ายอยู่หรือไม่
นายกฯ จอห์นสัน ประกาศใช้มาตรการล็อคดาวน์ในกรุงลอนดอนและแถบตะวันออกเฉียงใต้ของอังกฤษ โดยเตือนให้ประชาชนในพื้นที่ดังกล่าวฉลองเทศกาลคริสต์มาสอยู่แต่ภายในบ้านเฉพาะครอบครัวของตัวเอง ส่วนพื้นที่อื่น ๆ อนุญาตให้ฉลองคริสต์มาสได้เฉพาะในวันที่ 25 ธันวาคมและไม่เกิน 3 ครอบครัวเท่านั้น รวมทั้งแนะนำว่าไม่ควรเดินทางเข้าออกกรุงลอนดอนในช่วงนี้
ประธานเจ้าหน้าที่สาธารณสุขของอังกฤษ คริส วิตตี้ แถลงว่า อังกฤษได้เตือนให้องค์การอนามัยโลก หรือ WHO ทราบเกี่ยวกับไวรัสสายพันธุ์ใหม่นี้ และยังไม่มีหลักฐานว่าไวรัสที่กลายพันธุ์มีความอันตรายกว่าเดิมหรือดื้อต่อวัคซีนโควิด-19 หรือไม่
นักวิทยาศาสตร์ระบุว่า โคโรนาไวรัสสายพันธุ์ใหม่มีส่วนที่กลายพันธุ์ 23 จุดจากสายพันธุ์เดิมที่พบที่เมืองอู่ฮัน ประเทศจีน เมื่อปลายปีที่แล้ว แต่นักวิทยาศาสตร์ชี้ว่า การกลายพันธุ์ของเชื้อไวรัสนั้นถือเป็นเรื่องปกติในกระบวนการวิวัฒนาการของเชื้อไวรัส โดยเชื่อว่าเชื้อโคโรนาไวรัสสายพันธุ์ที่พบในอังกฤษนี้จะกลายเป็นสายพันธุ์หลักในอนาคต และคาดว่าจะมีการระบาดในประเทศอื่นด้วย