รมว.ต่างประเทศสหรัฐฯ แอนโธนี บลิงเคน มีกำหนดเดินทางถึงตะวันออกกลางในวันศุกร์ มุ่งหารือแนวทางจัดการกาซ่าหลังสงคราม ด้าน รมต.กลาโหมอิสราเอลประกาศแนวทางการรบแบบใหม่ เผย จะรบจนกว่าตัวประกันได้รับอิสระ ฮามาสถูกทำลาย และภัยคุกคามถูกกำจัด
การเดินทางของบลิงเคน ที่นับเป็นการเยือนตะวันออกกลางครั้งที่ 4 นับตั้งแต่การสู้รบเริ่มขึ้นเมื่อ 7 ตุลาคม โดยประเด็นพูดคุยจะรวมถึงเรื่องของการเพิ่มความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมในฉนวนกาซ่า และแนวทางบริหารจัดการพื้นที่ดังกล่าวหลังสงคราม
ในการเดินทางครั้งนี้ บลิงเคนมีกำหนดเยือนอิสราเอล เขตเวสต์ แบงค์ ตุรกี กรีซ จอร์แดน กาตาร์ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ซาอุดีอาระเบีย และอียิปต์
นับตั้งแต่สงครามเริ่มขึ้น มีชาวปาเลสไตน์จำนวนหลายแสนรายได้หนีภัยการสู้รบลงไปยังพื้นที่ตอนใต้ของฉนวนกาซ่า และจำเป็นต้องอาศัยอยู่อย่างยากลำบากโดยขาดการเข้าถึงอาหาร น้ำดื่มที่สะอาด รวมถึงห้องสุขาที่ใช้งานได้
อิสราเอลยังคงเดินหน้าถล่มโจมตีแบบข้ามคืน ในพื้นที่ตอนกลาง และเมืองคาน ยูนิส และเมืองราฟาห์ ทางตอนใต้ของฉนวนกาซ่าสำนักข่าว AFP อ้างอิงคำพูดของทหารอิสราเอล ที่ระบุว่าพวกเขามีเป้าหมายการโจมตีมากกว่า 100 แห่ง รวมถึงที่ตั้งของทหาร ฐานยิงจรวด และคลังเก็บอาวุธ
เจ้าหน้าที่กองกำลังป้องกันอิสราเอลระบุว่า เครื่องบินเจ็ตได้โจมตีพื้นที่ค่ายผู้ลี้ภัยบูเรจ ในตอนกลางของกาซ่าแบบข้ามคืน และได้สังหาร “หน่วยย่อยของกลุ่มก่อการร้ายติดอาวุธ” ที่พยายามโจมตีรถถังอิสราเอล นอกจากนั้นยังมีนักรบของกลุ่มฮามาสถูกสังหารในการปะทะที่คาน ยูนิสอีกด้วย
เมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา รัฐมนตรีกระทรวงกลาโหมอิสราเอลประกาศแผนการใหม่เกี่ยวกับสงครามในกาซ่า ซึ่งรวมถึงการเพิ่มจำนวนการโจมตีเป้าหมายทางยุทธศาสตร์ในทางตอนเหนือ แต่ยังไม่มีการยืนยันอย่างเป็นทางการในเรื่องนี้จากรัฐบาลอิสราเอล
สำนักงานรัฐมนตรีกลาโหมอิสราเอล โยอัฟ กัลแลนต์ ระบุในแถลงการณ์ว่า “ในพื้นที่ตอนเหนือของฉนวนกาซ่า เราจะเปลี่ยนผ่านไปสู่แนวทางการต่อสู้แบบใหม่ ให้สอดคล้องกับความสำเร็จทางทหารภาคพื้นดิน”
กัลแลนต์ระบุว่า ยุทธวิธีที่จะใช้ มีทั้งการบุกเข้าค้น ทำลายอุโมงค์ เปิดการโจมตีทั้งอากาศและภาคพื้นดิน รวมถึงปฏิบัติการพิเศษทางทหาร แต่ก็ยังระบุด้วยว่าอิสราเอลจะยังเดินหน้ากำจัดผู้นำฮามาสที่อยู่ทางตอนใต้ของกาซ่า อันเป็นจุดที่ผู้หนีภัยสงครามส่วนใหญ่อาศัยหลบภัยอยู่
"มัน (การโจมตี) จะดำเนินต่อไปตราบเท่าที่ยังเห็นว่ามีความจำเป็น" แถลงการณ์ระบุ
การประกาศดังกล่าวเกิดขึ้นหลังอิสราเอลได้รับแรงกดดันจากนานาชาติมากขึ้น รวมถึงจากพันธมิตรอย่างสหรัฐฯ ที่เรียกร้องให้ลดระดับความเข้มข้นในการทำสงครามลง
อิสราเอลเริ่มปฏิบัติการทางทหารเมื่อ 7 ตุลาคมเพื่อตอบโต้การโจมตีของกลุ่มฮามาส ที่สังหารประชาชนในอิสราเอลไปกว่า 1,200 ราย และจับคนไปเป็นตัวประกันอีกราว 240 คน ซึ่งยังเหลืออีกราว 130 รายที่ติดอยู่ในฉนวนกาซ่า หลังการพักรบและปล่อยตัวประกันราวหนึ่งสัปดาห์สิ้นสุดลง
ในอีกด้านหนึ่ง กระทรวงสาธารณสุขกาซ่า ที่ดำเนินงานโดยกลุ่มฮามาส ระบุว่ามีชาวปาเลสไตน์มากกว่า 22,400 ราย ถูกสังหารจากการโจมตีของอิสราเอล โดยจำนวนมากเป็นเด็กและสตรี
แผนการจากกระทรวงกลาโหมระบุว่า สงครามจะดำเนินต่อไปจนกระทั่งตัวประกันที่ถูกจับไปในวันที่ 7 ตุลาคม ได้รับการปล่อยตัวทั้งหมด กลุ่มฮามาสถูกทำลาย และภัยคุกคามทางทหารที่เหลือถูกกำจัด
ในส่วนของการจัดการพื้นที่กาซ่า แผนการดังกล่าวระบุว่า “จะไม่มีพลเรือนอิสราเอลในฉนวนกาซ่า หลังลุล่วงเป้าหมายของสงคราม” แต่อิสราเอลจะยังมีสิทธิในการปฏิบัติหน้าที่ของตนในพื้นที่ดังกล่าวอยู่
ด้านรัฐบาลวอชิงตัน มีข้อเสนอให้รัฐบาลปาเลสไตน์ ที่ปกครองพื้นที่เวสต์แบงค์อยู่ มีบทบาทในการบริหารจัดการฉนวนกาซ่าด้วย
- ที่มา: VOA, ข้อมูลบางส่วนมาจาก AP, AFP และ Reuters