กองทัพอิสราเอลเผย ได้ปลดเจ้าหน้าที่สองนายออกจากตำแหน่ง และขังผู้บังคับบัญชาระดับอาวุโสอีกหลายราย หลังสืบสวนพบปัญหาร้ายแรงหลายอย่าง จนนำไปสู่การโจมตีที่คร่าชีวิตเจ้าหน้าที่บรรเทาทุกข์เมื่อคืนวันจันทร์ที่ผ่านมา ตามการรายงานของรอยเตอร์
โดยสรุป กระบวนการสอบสวนพบว่า กองทัพอิสราเอลเข้าใจผิด คิดว่าขบวนรถขององค์กรช่วยเหลือด้านอาหาร World Central Kitchen (WCK) เป็นกลุ่มติดอาวุธฮามาส
แถลงการณ์ของกองทัพที่เปิดเผยในวันศุกร์ ระบุว่า “การโจมตีรถความช่วยเหลือ คือความผิดพลาดอย่างร้ายแรง สืบเนื่องจากความล้มเหลวอย่างหนักจากการยืนยันตัวตนที่ผิดพลาด การตัดสินใจที่บกพร่อง และการโจมตีที่ขัดแย้งกับมาตรฐานด้านแนวทางปฏิบัติการ”
การสังหารเจ้าหน้าที่บรรเทาทุกข์ 7 รายในวันจันทร์ได้สร้างกระแสความไม่พอใจเพิ่มมากขึ้นในระดับโลก โดยผู้เสียชีวิตมีทั้งผู้ที่ถือสัญชาติอังกฤษ ออสเตรเลีย และโปแลนด์ รวมถึงผู้ถือสัญชาติคู่สหรัฐฯ-แคนาดา และชาวปาเลสไตน์อีกหนึ่งราย
ประธานาธิบดีโจ ไบเดน แห่งสหรัฐฯ กล่าวต่อนายกรัฐมนตรีเบนจามิน เนทันยาฮูแห่งอิสราเอลในวันพฤหัสบดีว่า สหรัฐฯ สามารถเปลี่ยนแนวทางนโยบายที่มีต่ออิสราเอลได้หากว่ายังไม่มีการลดความเสียหายที่เกิดขึ้นต่อพลเรือนในฉนวนกาซ่า ซึ่งปัจจุบันเผชิญกับปัญหาความหิวโหยและต้องพึ่งพาการช่วยเหลือทางมนุษยธรรมอย่างหนัก
แอนโทนี บลิงเคน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ กล่าวในวันศุกร์ว่า รัฐบาลกรุงวอชิงตันกำลังทบทวนการสืบสวนสอบสวนของอิสราเอลอย่างละเอียด และจับตามองอย่างใกล้ชิดถึงแนวทางที่จะเกิดขึ้นของรัฐบาลกรุงเทลอาวีฟหลังจากนี้
กองทัพระบุว่าได้ปลดหัวหน้ากองพันที่มียศพันเอก และเจ้าหน้าที่กองพันการยิงสนับสนุนที่มียศพันตรีออกจากตำแหน่ง และได้สังขังเจ้าหน้าที่อาวุโสหลายรายรวมถึงนายพลระดับนำในหน่วยบัญชาการภาคใต้ นอกจากนั้น ยังส่งเรื่องให้กับตุลาการทหารเพื่อพิจารณาการดำเนินการทางอาญาต่อไป
หลังการเผยแพร่ข้อค้นพบของกองทัพอิสราเอล องค์กร WCK ออกแถลงการณ์เรียกร้องให้มีคณะกรรมการสืบสวนอิสระขึ้นมาทำหน้าที่ โดยระบุว่า “หากไม่มีการเปลี่ยนแปลงเชิงระบบ ก็จะยังมีความล้มเหลวทางทหารเพิ่ม มีคำขอโทษ และการสูญเสียของครอบครัวเพิ่มขึ้น”
รอยเตอร์ระบุว่า การสืบสวนของกองทัพอย่างรวดเร็วในลักษณะนี้ บ่งชี้ให้เห็นถึงผลกระทบที่มาจากเสียงวิพากษ์วิจารณ์ในทางสาธารณะ
ขบวนรถจำนวน 3 คันที่ถูกโจมตี เป็นเที่ยวรถที่กำลังทยอยขนส่งอาหารปริมาณรวม 200 ตันจากชายฝั่งฉนวนกาซ่า ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของความพยายามจัดส่งความช่วยเหลือเข้าไปในพื้นที่มากขึ้น
ผลการสืบสวนของกองทัพอธิบายว่า พบผู้ต้องสงสัยว่าเป็นกลุ่มติดอาวุธ ปีนขึ้นไปบนรถในขบวนอย่างน้อยหนึ่งคัน ขณะที่ รถกำลังเดินทางไปยังจุดขนส่งสิ่งของ โดยภาพจากโดรนที่กองทัพนำเสนอมีภาพชายหนึ่งคนกำลังยิงปืนไรเฟิล หลังจากนั้น กองทัพจึงติดต่อไปยังผู้ประสานงาน WCK แต่ไม่สามารถติดต่อได้
หลังเดินทางถึงจุดหมายปลายทางและนำสิ่งของลงจากรถเสร็จ รถทั้งสามคันก็ออกเดินทางเลียบชายฝั่งลงพื้นที่ทางตอนใต้ในช่วงราว 23.00 น. เนื่องจากความมืด ทำให้ทหารไม่สามารถบ่งชี้อัตลักษณ์ของขบวนรถสามคัน รวมถึงโลโก้ของ WCK ที่อยู่บนหลังคารถ และเข้าใจว่ารถที่เห็นนั้นถูกกลุ่มฮามาสยึดเอาไว้ได้แล้ว
ภาพจากฟุตเทจขณะที่รถออกจากจุดขนส่งสินค้า พบชายคนหนึ่งนั่งถือถุงอยู่ในรถ ทำให้ผู้ที่ดูภาพอยู่นั้นเข้าใจว่าเป็นปืนไรเฟิล
โยอาฟ ฮาร์-เอเวน อดีตพลตรีที่ดูแลการสืบสวนสอบสวนครั้งนี้ระบุกับสื่อมวลชนว่า ในช่วงเวลาก่อนนำไปสู่การโจมตีนั้น ทหารเข้าใจว่า ภารกิจมนุษยธรรมนั้นจบลงแล้ว และกำลังตามรอยขบวนรถของกลุ่มฮามาสที่มีบุคคลต้องสงสัยอยู่ในนั้น
“พวกเขา (ทหารอิสราเอล) โจมตีรถคันนั้น จากนั้น พวกเขาเห็นว่ามีคนวิ่งออกมาจากรถเข้าไปในรถคันที่สอง ซึ่งเป็นช่วงที่พวกเขาตัดสินใจโจมตีรถคันที่สอง จากนั้นมีคนสองคนเดินออกมาจากรถคันที่สอง เข้าไปในรถคันที่สาม และเป็นตอนนั้นที่พวกเขาโจมตีรถคันที่สาม”
ฮาร์-เอเวน กล่าวว่า การโจมตีครั้งนี้ฝ่าฝืนมาตรฐานแนวทางปฏิบัติการของกองกำลังป้องกันอิสราเอล (IDF)
- ที่มา: รอยเตอร์