กลุ่มรัฐอิสลาม ISIS ออกมาอ้างความรับผิดชอบในเหตุการณ์โจมตีครั้งใหญ่โดยผู้ก่อการร้ายในกรุงปารีส ในช่วงคืนวันศุกร์ที่ 13 พ.ย ตามเวลาท้องถิ่น ทำให้มีผู้เสียอย่างน้อย 127 คน
กลุ่มรัฐอิสลามมีแถลงการณ์ในวันเสาร์ว่า ได้ปฏิบัติการโจมตีในกรุงปารีสหกครั้ง ทั้งจากอาวุธปืนและระเบิดพลีชีพ เพื่อตอบโต้ต่อปฏิบัติการโจมตีทางอากาศของชาติตะวันตกต่อกลุ่ม ISIS ในซีเรียและอิรัก แถลงการณ์ดังกล่าวยังบอกด้วยว่าฝรั่งเศสและพันธมิตรจะยังคงเป็นเป้าหมายหลักของกลุ่ม ISIS ต่อไป
แถลงการณ์ดังกล่าวปรากฏในโลกออนไลน์ในช่วงเช้าวันเสาร์ เป็นภาษาอาระบิกและภาษาฝรั่งเศสและมีสัญลักษณ์ของกลุ่ม ISIS ประทับอยู่
ยังไม่แน่ชัดว่าแถลงการณ์ฉบับนี้ออกมาจากกลุ่ม ISIS จริงหรือไม่ แต่ผู้เชี่ยวชาญต่างเชื่อว่าเป็นของกลุ่มก่อการรา้ยกลุ่มนี้จริง
WATCH: Related video of world showing support for Paris victims
Your browser doesn’t support HTML5
ในวันเสาร์ ปธน.ฝรั่งเศส ฟร็องซัวร์ ออล็องด์ ประกาศไว้ทุกข์ทั่วประเทศเป็นเวลาสามวัน ให้กับผู้เสียชีวิตกว่า 120 คนในเหตุการณ์นี้ พร้อมประณามกลุ่มรัฐอิสลามและเรียกการโจมตีครั้งนี้ว่า "การประกาศสงคราม"
ผู้นำฝรั่งเศสสัญญาว่าจะติดตามนำตัวผู้ก่อเหตุมาลงโทษให้ได้ รายงานจากสื่อต่างๆระบุว่าเจ้าหน้าที่ฝรั่งเศสได้สังหารคนร้ายไปแล้ว 8 คนเมื่อวานนี้ แต่ยังไม่ชัดเจนว่ามีคนร้ายทั้งหมดกี่คน รายงานบางชิ้นระบุว่ายังอาจมีคนร้ายลอยนวลอยู่ในกรุงปารีส
เมื่อวานนี้ประธานาธิบดี ฟร็องซัว ออล็องด์ ประกาศภาวะฉุกเฉินทั่วประเทศ และสั่งปิดชายแดนทุกจุด ผ่านสถานีโทรทัศน์ที่ออกอากาศทั่วฝรั่งเศส หลังเกิดเหตุกลุ่มมือปืนกราดยิงผู้คนที่ร้านอาหารและโรงละครใจกลางกรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส
นอกจากนี้ยังมีรายงานการเกิดระเบิด บริเวณใกล้กับสนามกีฬาแห่งชาติฝรั่งเศส Stade de France ทางเหนือของกรุงปารีส ซึ่งกำลังมีการแข่งขันฟุตบอลระหว่างทีมชาติฝรั่งเศสและทีมชาติเยอรมนี
ประธานาธิบดี ฟร็องซัว ออล็องด์ ต้องยกเลิกการชมการแข่งขันฟุตบอลนัดดังกล่าวทันที และเรียกประชุมด้วนเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงของฝรั่งเศสอย่างเร่งด่วน ที่ห้องประชุมกระทรวงมหาดไทยของฝรั่งเศส
การโจมตีในครั้งนี้เกิดขึ้นก่อนหน้าไม่กี่สัปดาห์ ที่ผู้นำจากประเทศต่างๆจะมารวมตัวเพื่อร่วมการประชุมที่จัดโดยองค์การสหประชาชาติ ว่าด้วยเรื่องภาวะโลกร้อน
WATCH: Related video of Paris terrorist attacks
Your browser doesn’t support HTML5
VOA White House Correspondent Aru Pande, National Security Correspondent Jeff Seldin, Luis Ramirez, Lisa Bryant from Paris, and Jamie Dettmer contributed to this report.