Your browser doesn’t support HTML5
คณะผู้เชี่ยวชาญที่ให้คำปรึกษาแก่คณะกรรมาธิการของสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ ด้านการสืบสวนแหล่งรายได้ของกลุ่มก่อการร้าย ระบุว่ากลุ่มรัฐอิสลามหรือ IS คือกลุ่มก่อการร้ายที่มั่งคั่งที่สุดในขณะนี้
คุณ Lawrence Schindell ประธานบริษัท ARIS Title Insurance Corporation ซึ่งติดตามตรวจสอบการซื้อขายศิลปะล้ำค่าและกระบวนการฟอกเงินทั่วโลก ระบุว่ากลุ่ม IS มีแหล่งรายได้สำคัญมาจากการค้าสินค้าเถื่อน ซึ่งรวมถึงน้ำมันเถื่อน และโบราณวัตถุต่างที่ขุดได้ในพื้นที่ที่ IS ครอบครองอยู่
การลักลอบขุดหาโบราณวัตถุตามเมืองเก่าแก่ต่างๆ นั้นทำกันมานานแล้ว แต่กลุ่ม IS จัดตั้งองค์กรดูแลกิจกรรมนี้อย่างเป็นล่ำเป็นสัน และดำเนินการในระดับอุตสาหกรรม โดยกลุ่ม IS มีการบริหารจัดการธุรกิจมืดที่ซับซ้อนและมีกำไรมหาศาลนี้ อย่างเป็นระบบ เพื่อลักลอบนำทรัพย์สินโบราณออกไปจากเมืองเก่าแก่หลายแห่งทั้งในอิรักและซีเรีย
คุณ Yaya Fanusie แห่ง Center on Sanctions and Illicit Finance ระบุว่า กลุ่ม IS มองว่าเมืองโบราณเหล่านั้นคือแหล่งทรัพยากรสำคัญไม่ต่างจากน้ำมัน และแม้การค้าขายศิลปวัตถุในตลาดมืดจะมิได้สร้างรายได้เท่ากับน้ำมัน แต่ก็ใช้การลงทุนน้อยกว่า
และยังสามารถหางานด้านการเสาะหาวัตถุโบราณให้กับประชาชนในเมืองเก่าแก่เหล่านั้น ซึ่งได้รับผลกระทบจากความขัดแย้งและการสู้รบในช่วงหลายปีที่ผ่านมา โดยทางกลุ่ม IS ได้ใช้วิธีออกใบอนุญาตให้กับนักล่าของโบราณ แล้วเก็บภาษีและค่าธรรมเนียมจากสิ่งของที่คนเหล่านั้นหาได้
นอกจากนี้ การค้าขายวัตถุโบราณยังไม่ต้องถูกรบกวนจากการโจมตีทางอากาศที่มุ่งเน้นแหล่งผลิตน้ำมันเถื่อนของกลุ่ม IS ด้วย
ที่ผ่านมามีรายงานข่าวที่ก่อให้เกิดกระแสวิจารณ์ไปทั่วโลก เรื่องที่กลุ่ม IS ทำลายโบราณสถานสำคัญในเมืองประวัติศาสตร์หลายแห่ง เช่น เมืองพาลเมียร่า ซึ่งเชื่อกันว่าเป็นส่วนหนึ่งของการโฆษณาชวนเชื่อของกลุ่มก่อการร้ายกลุ่มนี้ว่า ไม่มีใครที่จะหยุดยั้งการกระทำของพวกเขาได้
แต่นักวิเคราะห์ชี้ว่า จากการสังเกตพบว่ากลุ่ม IS มักจะทำลายโบราณสถานขนาดใหญ่ที่ไม่สามารถเคลื่อนย้ายได้ แต่จะเก็บโบราณวัตถุขนาดเล็กเอาไว้เพื่อนำไปขายต่อ และว่าพื้นที่ที่ถูกกลุ่ม IS ขุดค้นวัตถุโบราณไปจนหมดสิ้น มักจะถูกทำลายจนแทบไม่เหลือคุณค่าทางประวัติศาสตร์อีกต่อไป
คณะผู้เชี่ยวชาญที่กล่าวต่อคณะกรรมาธิการของสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ ในวันอังคาร ยังได้หารือกันถึงมาตรการที่ดีกว่าเดิมในกาติดตามโบราณวัตถุต่างๆ การกำหนดกฎเกณฑ์ที่เข้มงวดเพื่อควบคุมการซื้อขายสินค้าที่มาจากพื้นที่ความขัดแย้งทั่วโลก
รวมทั้งการเพิ่มความร่วมมือระหว่างผู้รักษากฎหมาย ผู้ดูแลด้านการเงิน และองค์กรข่าวกรองต่างๆ เพื่อป้องกันการลักลอบซื้อขายโบราณวัตถุในตลาดมืด ตลอดจนการเพิ่มบทลงโทษต่อผู้ที่ซื้อของเก่าผิดกฎหมายเหล่านั้น
(ผู้สื่อข่าว Jim Randle รายงาน / ทรงพจน์ สุภาผล เรียบเรียง)