คามาล คาราซี ที่ปรึกษาผู้นำสูงสุดแห่งอิหร่านระบุในวันศุกร์ว่าอิหร่านอาจจะเพิ่มพิสัยของขีปนาวุธให้ไกลขึ้นท่ามกลางการแลกหมัดโจมตีกับอิสราเอล และชี้ว่าแท้จริงมีศักยภาพทำอาวุธนิวเคลียร์ แต่เลือกที่จะไม่ทำ
คาราซีกล่าวถึงเรื่องนี้หลังถูกถามโดยสื่ออัล-มายาดีน ของเลบานอนที่มีจุดยืนสนับสนุนอิหร่าน โดยระบุว่า กรุงเตหะรานมีแนวโน้มที่จะขยายพิสัยโจมตีของขีปนาวุธ จากเดิมที่วางขีดจำกัดตนเองเอาไว้ที่ 2,000 กม.
เขากล่าวด้วยว่า แม้อิหร่านจะมีศักยภาพที่เพียงพอในทางเทคนิคสำหรับการผลิตอาวุธนิวเคลียร์ แต่ก็ยังไม่ได้เดินหน้าต่อ สืบเนื่องจากการปฏิบัติตามฟัตวา หรือคำชี้ขาดในทางศาสนาจากผู้นำสูงสุด อยาตอลเลาะห์ อาลี คาเมเนอี เมื่อต้นทศวรรษ 2000 ที่สั่งห้ามการพัฒนาอาวุธนิวเคลียร์
สาธารณรัฐอิสลามแห่งนี้ยืนกรานมาตลอดว่าโครงการนิวเคลียร์ที่มีนั้น ไม่ได้มีวัตถุประสงค์เพื่อสร้างอาวุธ และมีวัตถุประสงค์การใช้งานในทางสันติ
เมื่อปี 2017 เจ้าหน้าที่อิหร่านหลายคนกล่าวว่ากรุงเตหะรานไม่จำเป็นต้องเพิ่มพิสัยทำการของขีปนาวุธมากไปกว่า 2,000 กม. เนื่องจากระยะทำการนี้ครอบคลุมพื้นที่ที่กองกำลังสหรัฐฯ ประจำการอยู่ในพื้นที่
คาราซีกล่าวว่าอิหร่านจะตอบโต้การโจมตีของอิสราเอลเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ที่มีเป้าหมายในพื้นที่ใกล้กรุงเตหะรานและหลายพื้นที่อื่น ๆ ซึ่งการโจมตีนี้เกิดขึ้นหลังจากอิหร่านระดมยิงจรวดใส่อิสราเอลเมื่อ 1 ตุลาคมที่ผ่านมา
ท่ามกลางภาวะเผชิญหน้าและการแลกหมัดโจมตีที่เกิดขึ้น มีคนไทยเสียชีวิต 4 ราย และบาดเจ็บสาหัส 1 รายในอิสราเอล สืบเนื่องจากการโจมตีด้วยจรวดจากเลบานอนไปยังเมืองเมตูลา ทางตอนเหนือของอิสราเอล ตามการแถลงของโฆษกกระทรวงการต่างประเทศของไทย นายนิกรเดช พลางกูร ในวันศุกร์
ผู้เสียชีวิต 4 ราย ได้แก่ นายอรรคพล วรรณไสย นายประหยัด พิลาศรัมย์ นายธนา ติจันทึก นายกวีศักดิ์ ปาปะนัง ส่วนผู้บาดเจ็บคือนายฉัตรชัย ศิลป์ประเสริฐ
โฆษกกระทรวงต่างประเทศระบุว่า นายจ้างของผู้เสียชีวิตได้ขอนำแรงงานไทยเข้าไปในพื้นที่เป็นระยะเวลา 1-2 ชั่วโมง และได้รับอนุญาตจากกองทัพอิสราเอล ก่อนจะเกิดการโจมตีจนมีผู้เสียชีวิตตามรายงาน และนายจ้างก็เสียชีวิตเช่นกัน
กระทรวงต่างประเทศไทยออกแถลงการณ์แสดงความกังวลต่อการสู้รบที่กำลังดำเนินอยู่ โดยขอให้คู่ขัดแย้งทุกฝ่ายยุติการโจมตีโต้ตอบกันด้วยอาวุธโดยทันที และให้ใช้ความอดกลั้นอย่างสูงสุดในการบรรลุข้อตกลงหยุดยิงและการปล่อยตัวประกัน ซึ่งรวมถึงคนไทยที่เหลืออยู่โดยทันทีและไม่มีเงื่อนไข
- ที่มา: รอยเตอร์, กระทรวงการต่างประเทศไทย