Your browser doesn’t support HTML5
สิ้นสุดการรอคอยสำหรับวันที่ 12 กันยายน ตามเวลาท้องถิ่นของสหรัฐฯ ที่ Apple จะเปิดตัว iPhone รุ่นใหม่เหมือนเช่นทุกปี เพียงแต่ปีนี้ ถือเป็นเกมลองใจสาวก Apple กับการเปิดตัว iPhone ที่ยังคงเป็นรุ่นปริศนา ที่ละไว้ในฐานที่เข้าใจ ในรุ่น iPhone X
ประเด็นสำคัญไม่เพียงแค่การลุ้นอย่างใจจดใจจ่อทั้งฝั่งผู้บริโภคและคู่แข่งของ Apple ในการเปิดตัวฟีเจอร์ที่ล้ำสมัยตามสไตล์ของ Apple
แต่ยังเป็นการทดสอบกำลังซื้อของสาวก Apple ว่าจะยอมทุ่มเงินกว่า 1 พันดอลลาร์ หรือประมาณ 3 หมื่น 4 พันบาท เพื่อ iPhone รุ่นใหม่นี้หรือไม่?
จุดขายของ iPhone ปีนี้ เห็นจะเป็นการเฉลิมฉลองครบรอบ 10 ปี ที่ iPhone ได้ถือกำเนิดบนโลก ซึ่งราคาเปิดนั้นอยู่ที่ 999 ดอลลาร์ในตอนแรก ซึ่งสูงกว่าราคาเปิดตัว iPhone รุ่นแรกกว่า 300 ดอลลาร์ ขณะเดียวกัน ก็เป็นการสร้างความแตกต่างให้คู่แข่งอย่าง Samsung และ Huawei ที่พยายามเทียบรุ่นให้เท่าเทียมกับความเป็นสมาร์ทโฟนแบบไฮเอนด์ให้จงได้
นอกจากนี้ ตามข่าวรั่วที่หลุดมาเรื่อยๆ ก็มีทั้งรูปทรงยาวกว่ารุ่นปัจจุบัน หน้าจอไร้ขอบ และหน้าจอ LED แบบออร์แกนิค ที่ให้สีที่คมชัดและเต็มอิ่มถึงอารมณ์กว่า ที่ชาร์จไฟไร้สาย ปุ่มโฮมที่จะหายไป แล้วกล้องที่ชัดขึ้นตามสไตล์ของ iPhone ทุกรุ่น
แต่ที่กล่าวมานี้ อาจไม่เร้าใจเท่ากับเทคโนโลยีระบบจดจำใบหน้า ที่จะใช้ปลดล็อคสมาร์ทโฟนของคุณได้ รวมทั้งข่าวลือเรื่องการประยุกต์ใช้ระบบปัญญาประดิษฐ์ หรือ AI ในการประมวลผลของ iPhone รุ่นนี้ด้วย
สิ่งที่ทำให้ iPhone กล้ารุกตลาดด้วยสมาร์ทโฟนราคาแพงนั้น ทาง Debby Ruth รองประธานอาวุโสด้านการวิจัยผู้บริโภคจากบริษัท Magid มองว่า พฤติกรรมการใช้สมาร์ทโฟนของผู้คนในปัจจุบัน เหมือนการแสดงฐานะทางสังคมเท่ากับการซื้อรถ และบางคนให้คุณค่าของสมาร์ทโฟนมากกว่าสิ่งใด บางครั้งอาจมากกว่าอาหารหรือเซ็กซ์เสียอีก
โดยไม่นานมานี้ Samsung เองก็เปิดราคา Galaxy Note 8 ที่ราคา 930 ดอลลาร์ หรือราว 3 หมื่น 2 พันบาทมาแล้ว
หากการทดสอบราคาสมาร์ทโฟนไฮเอนด์ของ Apple ประสบความสำเร็จ อาจเป็นใบเบิกทางให้สมาร์ทโฟนค่ายอื่นตื่นตัวและกล้าที่จะอัดนวัตกรรม ไปพร้อมกับราคาที่สูงลิ่วได้!