รายงานของทางการสหรัฐฯ ระบุว่า มี “การโจมตีจากไส้ศึกภายใน” ต่อกองกำลังความมั่นคงของรัฐบาลอัฟกานิสถานเพิ่มขึ้น 82 เปอร์เซ็นต์ในช่วงสามเดือนแรกของปีนี้ ทำให้มีบุคลากรถูกสังหาร 115 คน ได้รับบาดเจ็บ 39 คน
เมื่อวันพฤหัสบดี ผู้ตรวจการพิเศษเพื่อการฟื้นฟูอัฟกานิสถาน หรือ SIGAR รายงานต่อรัฐสภาสหรัฐฯ ว่า ยอดผู้บาดเจ็บและผู้เสียชีวิตของกองกำลังป้องกันและความมั่นคงแห่งชาติอัฟกัน หรือ ANDSF มีจำนวนเพิ่มขึ้นอย่างมากเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว
ทั้งนี้ ผู้ตรวจการพิเศษฯ ไม่ได้รับอนุญาตให้ระบุยอดผู้บาดเจ็บและเสียชีวิตของกองกำลังของทางการอัฟกันทั้งหมดในรายงานได้ เนื่องจากกองกำลังสหรัฐฯ ในอัฟกานิสถาน เก็บข้อมูลดังกล่าวเป็นความลับตามคำขอของรัฐบาลอัฟกานิสถาน
รายงานดังกล่าวระบุว่า กองกำลังของทางการอัฟกันถูกโจมตีจากไส้ศึกภายใน 31 ครั้ง ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม ถึงวันที่ 1 เมษายน ทำให้มีจำนวนผู้บาดเจ็บและเสียชีวิตมากกว่าสองเท่าเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว โดยกลุ่มตาลิบันที่แฝงตัวเป็นตำรวจหรือทหารอัฟกันอยู่เบื้องหลังเหตุโจมตีส่วนใหญ่
ผู้ตรวจการพิเศษฯ ส่งรายงานไตรมาสดังกล่าวขณะที่กองกำลังสหรัฐฯ ราว 2,500 นายกำลังเตรียมการเริ่มถอนกำลังออกจากอัฟกานิสถานในวันเสาร์นี้ โดยมีกำหนดถอนกำลังทั้งหมดออกภายในวันที่ 11 กันยายนเพื่อยุติสงครามที่ยาวนานที่สุดของสหรัฐฯ
ลูกจ้างของกระทรวงกลาโหมเกือบ 17,000 คน ประกอบด้วยชาวอเมริกัน 6,147 คน บุคลากรจากประเทศที่สาม 6,399 คน และชาวอัฟกัน 4,286 คน ที่ทำหน้าที่สนับสนุนปฏิบัติการของกระทรวงในอัพกานิสถาน ก็จะเดินทางออกจากอัฟกานิสถานเช่นกัน โดยผู้ตรวจการพิเศษฯ ระบุว่า ยังไม่เป็นที่แน่ชัดว่าใครจะรับช่วงทำงานต่อจากพนักงานเหล่านี้หลังพวกเขาเดินทางออกกันไปแล้ว
ผู้ตรวจการพิเศษฯ ระบุว่า อากาศยานของกองทัพอัฟกันจะอยู่ในสภาพพร้อมรบได้อีกเพียงไม่กี่เดือนหลังจากที่ลูกจ้างไม่ทำงานสนับสนุนให้อีกต่อไป ทั้งนี้ สภาพของอากาศยานจะขึ้ึ้นอยู่กับอุปกรณ์ที่เก็บสำรอง ความสามารถในการซ่อมบำรุงอากาศยาน และช่วงเวลาที่พนักงานสัญญาจ้างจะเดินทางออกนอกประเทศ
รายงานไตรมาสดังกล่าวระบุว่า พนักงานสัญญาจ้างของกระทรวงมีหน้าที่ดูแลยานพาหนะภาคพื้นดินของ ANDSF และอบรบพนักงานเทคนิคท้องถิ่น โดยรายงานของ ผู้ตรวจการพิเศษฯ ระบุว่า แม้กองกำลังของทางการอัฟกันจะปฏิบัติงานในส่วนดังกล่าวได้ดีขึ้นมาก แต่ยังไม่สามารถปฏิบัติงานด้านซ่อมบำรุงได้เท่ากับที่ลูกจ้างทำ
ทั้งนี้ การถอนกองกำลังของสหรัฐฯ และองค์การสนธิสัญญาแอตแลนติกเหนือ (นาโต้) มีที่มาจากข้อตกลงระหว่างสหรัฐฯ และกลุ่มตาลิบัน โดยข้อตกลงดังกล่าวทำให้เกิดความหวังในขณะนั้นว่า จะช่วยโน้มน้าวให้กลุ่มติดอาวุธและรัฐบาลอัฟกันตกลงแบ่งสรรอำนาจทางการเมืองเพื่อยุติสงครามได้
อย่างไรก็ตาม การเจรจาที่เริ่มขึ้นเมื่อเดือนกันยายนที่ผ่านมาไม่บรรลุเป้าที่วางไว้และยังคงติดเงื่อนไขที่ไม่สามารถปลดล็อคได้หลายประการ ทำให้เกิดความกังวลว่า ความขัดแย้งจะทวีความรุนแรงขึ้น และอาจเกิดเหตุนองเลือดมากขึ้นหลังกองกำลังต่างชาติถอนตัวออกจากอัฟกานิสถานหมดแล้ว
ผู้บังคับบัญชาการกองทัพสหรัฐฯ ยอมรับในแถลงการณ์ว่าา กองกำลังความมั่นคงอัฟกัน “จะล่มอย่างแน่นอน” หากสหรัฐฯ หยุดให้ความช่วยเหลือทั้งหมด เนื่องจากมีการโจมตีจากกลุ่มตาลิบันมากขึ้น
สงครามอัฟกันเริ่มตั้งแต่เดือนตุลาคม ค.ศ. 2001 โดยสหรัฐฯ นำกองทัพจากหลายประเทศบุกเข้าอัฟกานิสถาน คาดว่ามีผู้เสียชีวิตจนถึงขณะนี้ราว 214,000 คน รวมทั้งพลเรือน 71,344 คน เจ้าหน้าที่ชาวอเมริกัน 2,442 คน ตำรวจและทหารชาวอัฟกัน 78,314 คน และกลุ่มติดอาวุธ 84,191 อ้างอิงจากรายงานภาคเอกชนของสหรัฐฯ ที่เผยแพร่ในเดือนนี้