Your browser doesn’t support HTML5
ตำรวจบาหลีเปิดเผยในวันอังคารว่า ได้รับจดหมายนิรนามเตือนว่าบาหลีคือเป้าหมายต่อไปของการก่อการร้ายโดยกลุ่มรัฐอิสลาม ซึ่งทางตำรวจกำลังเร่งตรวจสอบที่มาของจดหมายดังกล่าว พร้อมกับเตือนให้ประชาชนบนเกาะบาหลีเพิ่มความระมัดระวัง นอกจากนี้ยังมีการเพิ่มกำลังตำรวจตามศูนย์การค้าและสถานที่ต่างๆบนเกาะบาหลีที่มีผู้คนพลุกพล่าน
เมื่อปี ค.ศ. 2002 บาหลีเคยถูกโจมตีโดยกลุ่ม Jemaah Islamiyah (JI) ซึ่งเป็นกลุ่มก่อการร้ายที่เชื่อมโยงกับกลุ่มอัลไคยด้า ทำให้มีผู้เสียชีวิต 202 คน ส่วนใหญ่เป็นนักท่องเที่ยวต่างชาติ
เหตุระเบิดครั้งนั้นส่งผลกระทบใหญ่หลวงต่อธุรกิจท่องเที่ยวของอินโดนีเซีย และเป็นจุดเริ่มของการโจมตีอีกหลายครั้งโดยกลุ่ม JI ในอินโดนีเซีย ในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา และเริ่มซาลงในช่วงหลังๆเมื่อการตอบโต้ของเจ้าหน้าที่ตำรวจอินโดนีเซียได้ผลมากขึ้น
อย่างไรก็ตาม หลังเหตุการณ์โจมตีใจกลางกรุงจาการ์ต้าเมื่อสัปดาห์ที่แล้วซึ่งทำให้มีผู้เสียชีวิต 8 คน กองกำลังรักษาความมั่นคงของอินโดนีเซียได้แสดงความกังวลว่า การโจมตีดังกล่าวอาจเป็นเพียงครั้งแรกที่กลุ่มรัฐอิสลามได้เริ่มขยายการปฏิบัติการเข้ามาในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และอาจมีการโจมตีตามมาอีกหลายครั้ง
Your browser doesn’t support HTML5
ก่อนหน้านี้ มีรายงานว่าชาวมุสลิมอินโดนีเซียราว 500 คน ได้เดินทางไปยังตะวันออกกลางเพื่อเข้าร่วมกับกลุ่มรัฐอิสลาม ในจำนวนนี้เชื่อว่ามีเพียงประมาณ 100 คนที่เดินทางกลับอินโดนีเซียแล้ว ขณะที่นักวิเคราะห์คาดว่ามีเพียง 15 คนเท่านั้นที่ได้เข้าร่วมในสนามรบจริงๆ
หลังการโจมตีเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ชาวมุสลิมในอินโดนีเซียได้เดินขบวนเพื่อประณามการก่อการร้าย และขอให้รัฐบาลเร่งปราบปรามกลุ่มนักรบแนวคิดสุดโต่งและบรรดาผู้สนับสนุนกลุ่มรัฐอิสลามในอินโดนีเซียโดยเร็ว
ชาวอินโดนีเซียยังได้เริ่มใช้ #PrayForJakarta และ #WeAreNotAfraid ตามสื่อสังคมออนไลน์ต่างๆ
ด้านรัฐบาลอินโดนีเซียสัญญาว่าจะเพิ่มความพยายามตรวจสอบเครือข่ายก่อการร้ายต่างๆในประเทศมากขึ้น ทางตำรวจยังเปิดเผยด้วยว่าผู้ที่เชื่อว่าอยู่เบื้องหลังการโจมตีในกรุงจาการ์ต้า ซึ่งชื่อว่า Bahrun Naim เป็นชาวอินโดนีเซียที่เข้าร่วมกับกลุ่ม IS ในซีเรีย ได้ใช้สื่อสังคมออนไลน์ในการสื่อสารและเผยแพร่แนวคิดสุดโต่งให้กับผู้ติดตามเขาในอินโดนีเซีย
และเมื่อเดือน ธ.ค ตำรวจอินโดฯเปิดเผยว่าสามารถขัดขวางแผนก่อการร้ายในช่วงงานฉลองวันคริสต์มาสและปีใหม่ได้สำเร็จ รวมถึงสกัดแผนโจมตีชุมชนมุสลิมนิกายชีอะห์ซึ่งเป็นชนกลุ่มน้อยในอินโดฯด้วย
ขณะเดียวกัน สถานการณ์ในกรุงจาการ์ต้าเริ่มกลับสู่ภาวะปกติหลังเหตุการณ์ก่อการร้ายของกลุ่มรัฐอิสลาม ร้านกาแฟ Starbuck ซึ่งเป็นจุดเกิดเหตุยังคงปิดบริการเพื่อซ่อมแซมความเสียหาย แต่การจราจรในบริเวณสี่แยกที่เกิดเหตุกลับมาคับคั่งดังเดิม
(ผู้สื่อข่าว Brian Padden รายงานจากกรุงจาการ์ต้า ทรงพจน์ สุภาผล เรียบเรียงเสนอ)