รอยเตอร์รายงาน นักท่องเที่ยวจากอินเดียกำลังหลั่งไหลเข้ามาเที่ยวในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้มากขึ้น ตอกย้ำบทบาทของอินเดียในฐานะผู้เล่นสำคัญของภาคธุรกิจการท่องเที่ยว ในขณะที่การเปิดประเทศของจีนเป็นไปอย่างล่าช้า
ข้อมูลจากผู้บริหารและนักวิเคราะห์ระบุว่า กำลังจ่ายของชนชั้นกลางจากอินเดียกำลังสร้างอานิสงค์ให้กับธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับภาคการท่องเที่ยวตั้งแต่สายการบินไปจนถึงกิจการห้องพัก
แบรนดอน โซบี นักวิเคราะห์ด้านธุรกิจการบินกล่าวในที่ประชุมด้านอุตสาหกรรมเมื่อเดือนที่ผ่านมาว่า “ภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้อยู่ในจุดที่จะเห็นการเติบโตทางเศรษฐกิจที่มีผลมาจากอินเดียอย่างชัดเจน”
ข้อมูลจากองค์การเพื่อความร่วมมือและการพัฒนาทางเศรษฐกิจ (โออีซีดี) ระบุว่า อุตสาหกรรมการท่องเที่ยวมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อเศรษฐกิจของภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ในช่วงก่อนการระบาดของโควิด-19 อุตสาหกรรมการท่องเที่ยวไม่เพียงแต่สร้างรายได้ในสัดส่วนเฉลี่ยถึงร้อยละ 12 ของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) แต่ยังสร้างงานให้กับคนมากกว่า 40 ล้านคนในภูมิภาคด้วย
ในช่วงเวลาราวสิบกว่าปีที่ผ่านมา จีนถือเป็นชาติที่ขับเคลื่อนภาคการท่องเที่ยวในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ แต่ข้อมูลจากทางการไทย สิงคโปร์ อินโดนีเซียและฟิลิปปินส์ ชี้ให้เห็นว่านักท่องเที่ยวจากจีนในเดือนพฤษภาคม 2023 มีจำนวนต่ำกว่าช่วงเวลาเดียวกันเมื่อปี 2019 อย่างน้อย 60%
ในกรณีของประเทศไทยที่เศรษฐกิจพึ่งพาภาคการท่องเที่ยวเป็นหลักนั้น พบว่าแม้จำนวนนักท่องเที่ยวจากอินเดียยังคงน้อยกว่านักท่องเที่ยวจากจีน แต่ความต่างนั้นมีอัตราส่วนที่น้อยลงถึงร้อยละ 14 เมื่อเทียบกับปี 2019
ข้อมูลจากภาครัฐในปี 2019 ระบุว่า นักท่องเที่ยวจากจีนที่มาเที่ยวในไทย ใช้จ่ายเงินอยู่ที่ราว 197 ดอลลาร์ต่อวัน (ประมาณ 6,700 บาท) ในขณะที่นักท่องเที่ยวจากอินเดียใช้จ่ายอยู่ที่ 180 ดอลลาร์ต่อวัน (ประมาณ 6,120 บาท) และทั้งสองประเทศมีระยะเวลาเฉลี่ยในการอยู่ในประเทศไทยประมาณ 1 สัปดาห์เท่ากัน
นายธเนศวร์ เพชรสุวรรณ รองผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) คาดการณ์ว่าจะมีนักท่องเที่ยวจากอินเดียเดินทางมาเที่ยวประเทศไทยราว 1.6 ล้านคนในปีนี้
รอยเตอร์รายงานด้วยว่า บริษัทการบินไทย จำกัด (มหาชน) มีจำนวนเที่ยวบินไปอินเดีย 70 เที่ยวบินต่อสัปดาห์ ในขณะที่สายการบินไปที่จีนอยู่ที่ 14 เที่ยวบินต่อสัปดาห์ ซึ่งลดลงจากจำนวนเดิมที่ 40 เที่ยวบินในช่วงก่อนโควิด-19 ระบาด
นายชาย เอี่ยมศิริ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร (ซีอีโอ) บริษัทการบินไทย กล่าวกับรอยเตอร์ว่าการเพิ่มจำนวนเที่ยวบินของอากาศยานลำตัวแคบ หรือเครื่องบินที่มีทางเดินเดียว ของการบินไทย ในอีกหนึ่งทศวรรษข้างหน้า อาจมีจุดหมายปลายทางอยู่ที่อินเดียเป็นส่วนใหญ่
IndiGo สายการบินต้นทุนต่ำสัญชาติอินเดีย ระบุว่าพวกเขาเห็นการเพิ่มขึ้นอย่างชัดเจนของปริมาณเที่ยวบินระหว่างอินเดียและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ นอกจากนั้น บริษัทยังได้สั่งซื้ออากาศยานลำตัวแคบเพิ่มอีก 500 ลำเพื่อตอบสนองต่อปริมาณของผู้โดยสารที่เพิ่มขึ้นด้วย
แบรนดอน โซบี นักวิเคราะห์ด้านธุรกิจการบิน อ้างข้อมูลในเดือนมิถุนายน 2023 โดยกล่าวว่าจำนวนผู้โดยสารในเที่ยวบินระหว่างจีนและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่มีการลงกำหนดการแล้วนั้น ยังมีสัดส่วนน้อยกว่าช่วงก่อนโควิด-19 ระบาดถึงร้อยละ 57 ในขณะที่จำนวนผู้โดยสารที่มาจากอินเดียนั้นฟื้นตัวถึงเกือบร้อยละ 90 แล้ว
ข้อมูลจาก Cleartrip เว็บไซต์บริการด้านการท่องเที่ยวของอินเดีย ระบุว่า ระหว่างเดือนมกราคม - มิถุนายน ปี 2023 ยอดการจองเที่ยวบินจากอินเดียมายังกรุงเทพฯ เพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 270 เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันในปี 2019
ธนาคารพัฒนาเอเชีย (เอดีบี) ระบุในรายงานเมื่อเดือนพฤษภาคมว่าในทศวรรษหน้า อินเดียสามารถจะเป็นอย่างที่ประเทศจีนเป็น ในแง่ของอัตราการเติบโตของการท่องเที่ยวนอกประเทศ แม้การเชื่อมต่ออาจจะมีข้อจำกัด เนื่องจากจำนวนของสนามบินที่มีน้อยกว่า
ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) คาดการณ์ว่าจะมีนักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามายังประเทศไทยที่ 29 ล้านคนในปี 2023 และเพิ่มเป็น 35.5 ล้านคนในปี 2024 โดยจำนวนดังกล่าวยังถือว่าน้อยกว่าจำนวนนักท่องเที่ยวในปี 2019 ที่อยู่ที่ 40 ล้านคน ทั้งนี้ ธปท. คาดว่าภาคการท่องเที่ยวจะช่วยขับเคลื่อนการเติบโตทางเศรษฐกิจในภาพรวมได้ร้อยละ 3.6 ในปี 2023 และร้อยละ 3.8 ในปีถัดไป เทียบกับสัดส่วนของปี 2022 ที่อยู่ที่ร้อยละ 2.6
นางสมทรง สัจจาภิมุข รองประธานสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ให้ความเห็นว่าอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวของไทยจะต้องทำความเข้าใจว่านักท่องเที่ยวอินเดียชื่นชอบอะไร เพื่อที่จะสร้างรายได้จากโอกาสครั้งใหญ่ครั้งนี้
“ถ้าเราไม่ปรับตัวอย่างรวดเร็ว ประเทศเพื่อนบ้านก็จะดึงนักท่องเที่ยวเหล่านั้นไป” นางสมทรงกล่าว