Your browser doesn’t support HTML5
สถิติจากการสำรวจข้อมูลประชากรล่าสุดโดยรัฐบาลอินเดียพบว่า อัตราการเกิดของเด็กชาวอินเดียมีจำนวนต่ำกว่าอัตราการเสียชีวิตของประชากรแล้ว ปรากฏการณ์ข้างต้นถือเป็นเรื่องน่ายินดี เพราะจะช่วยชะลอการเพิ่มของประชากรในประเทศที่มีผู้คนมากเป็นอันดับสองของโลก พร้อมเปิดโอกาสการพัฒนาทางสังคมที่ทั่วถึงมากขึ้นด้วย
อัตราการเจริญพันธุ์ (Fertility Rate) ในปี 2019 ถึง 2021 ของอินเดียนั้นลดลงมาอยู่ที่ 2.0 จาก 2.2 เมื่อเทียบกับปี 2015 ตามหลักสากลนั้นหากประเทศใดมีหน่วยเฉลี่ยของค่าข้างต้นต่ำกว่า 2.1 ก็จะสื่อถึงอัตราการเพิ่มจำนวนประชากรน้อยกว่าอัตราการเสียชีวิต ซึ่งช่วยให้เกิดอัตราการขยายตัวของประชากรที่ต่ำลงนั่นเอง
พูนาม มัสเทรจา ผู้อำนวยการแห่งสถาบัน Population Foundation of India บอกกับวีโอเอว่า ปรากฏการณ์ข้างต้นเป็นสิ่งที่ดีเพราะช่วยลดความคิดผิดๆ ว่าอินเดียกำลังมีประชากรที่มากล้นเกินไปจนทำให้ต้องมีการพิจารณานโยบายคุมกำเนิดที่บังคับให้ผู้หญิงมีลูกได้เพียง 2 คนเท่านั้น
นอกจากนี้ อินเดียยังสามารถใช้โอกาสเพื่อนำงบประมาณไปพัฒนาเรื่องสาธารณสุข การศึกษา และฝึกทักษะให้กับประชากรได้มากขึ้นอีกด้วย ทั้งยังบอกว่าเด็กผู้หญิงและสตรีในอินเดียมีแรงบันดาลใจในการสานฝันและพัฒนาตนเองมากขึ้นจึงเลือกที่มีบุตรน้อยลง เพราะฉะนั้นกุญแจสำคัญที่จะช่วยลดจำนวนประชากรของอินเดียลงได้ในอนาคตคือการศึกษาในหมู่สตรีอย่างทั่วถึง
นักวิจัยชี้ว่าอัตราการเติบโตที่น้อยลงเกิดจากปัจจัยหลักสามอย่าง ได้แก่ ระดับความยากจนที่ลดลง บริการด้านสุขภาพสำหรับครอบครัวอินเดียที่ดีขึ้น และการใช้วิธีคุมกำเนิดชนิดต่างที่มีให้เห็นมากขึ้นโดยเฉพาะในเขตชนบท
นอกจากนั้นภาวะเศรษฐกิจสังคมที่ดีขึ้นในช่วงระยะเวลา 20 กว่าปีที่ผ่านมาทำให้ผู้หญิงอินเดียเลือกที่จะแต่งงานเมื่อมีอายุมากขึ้นหากเทียบกับคนในสมัยก่อน ทั้งนี้ ประชากรยังหันมาอาศัยอยู่ในเขตเมืองมากขึ้นจึงทำผู้หญิงเลือกที่จะมีครอบครัวขนาดเล็กลงและทำให้อัตราการเจริญพันธุ์ลดลงมาอยู่ที่เพียง 1.6 เท่านั้น
ซานเจย์ คูมาร์ โมฮานตี้ หัวหน้าฝ่ายนโยบายประชากรของ International Institute for Population Studies ที่เมืองมุมไบ ยินดีกับปรากฎการณ์ข้างต้นเช่นกัน และว่าเรื่องนี้หมายถึงความพยายามลดประชากรจะไม่ต้องเป็นเรื่องที่น่ากังวลอันดับต้นๆ ของอินเดียอีกต่อไป
นอกจากนี้ สถานการณ์ความไม่สมดุลย์ของจำนวนประชากรหญิงและชายเนื่องจากสังคมอินเดียมีความนิยมบุตรชายมากกว่าก็เริ่มมีแนวโน้มที่ดีขึ้น โดยขณะนี้อัตราเด็กผู้หญิงที่เกิดใหม่นับเป็น 929 คนต่อเด็กผู้ชายจำนวน 1,000 คน ตัวเลขดังกล่าวเพิ่มขึ้นมาจาก 5 ปีก่อนที่มีอัตราการเกิดของเด็กผู้หญิงเพียง 919 คนต่อเด็กผู้ชายทุกๆ 1,000 คน
ตั้งแต่อินเดียได้รับเอกราชจากอังกฤษในปี 1947 จำนวนประชากรได้เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วถึงสี่เท่าจากราว 350 ล้านคนในขณะนั้น โดยเฉพาะบริเวณรัฐทางตอนเหนือของประเทศที่ไม่ได้รับการพัฒนา มีปัญหาความยากจนสูงและประชากรมีการศึกษาน้อย ซึ่งเมื่อเทียบกับรัฐทางตอนใต้ของประเทศที่มีระดับการศึกษาสูงกว่าจะเห็นชัดว่าประชากรมีอัตราการเพิ่มที่ต่ำกว่า
รัฐบาลอินเดียได้พยายามใช้นโยบายเพื่อลดจำนวนประชากรมาหลายสิบปี รวมทั้งการทำหมันคนจำนวนมากในช่วงสมัยที่นางอินทิรา คานธีดำรงตำแหน่งเป็นนายกรัฐมนตรีในช่วงทศวรรษที่ 1970 ด้วย
สำหรับในยุคปัจจุบัน พรรครัฐบาล ภารัตตยา ชนตะ (Bharatiya Janata Party) ได้เสนอร่างกฏหมายให้ประชากรในบางรัฐที่เลือกที่จะมีบุตรเกิน 2 คนไม่ได้รับสิทธิในการเข้าเป็นข้าราชการ การเลื่อนขั้น สิทธิในการลงสมัครรับเลือกตั้ง และการรับเงินอุดหนุนจากรัฐบาล อย่างไรก็ตาม ข้อเสนอข้างต้นได้รับการวิจารณ์อย่างหนักจากหลายฝ่าย
องค์การสหประชาชาติคาดว่าอินเดียจะมีประชากรมากกว่าประเทศจีนภายในปี 2027 นี้ แต่หากอัตราการขยายตัวของประชากรอินเดียที่ลดลงยังตำเนินต่อไป วันที่อินเดียจะก้าวขึ้นมาเป็นประเทศที่มีประชากรมากที่สุดในโลกก็คงจะถูกเลื่อนออกไป