Your browser doesn’t support HTML5
รัฐบาลอินเดียสัญญาว่าจะลงทุนหลายพันล้านดอลลาร์พัฒนาระบบโครงสร้างพื้นฐานเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจให้ขยายตัวในช่วงหลังโรคระบาดใหญ่ โดยคาดว่าปีนี้เศรษฐกิจอินเดียจะขยายตัวได้ราว 8%
อย่างไรก็ตามนักเศรษฐศาสตร์เตือนว่าผลพวงของการขยายตัวดังกล่าวอาจจะไม่กระจายตัวไปยังทุกภาคส่วนอย่างทั่วถึง โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับเศรษฐกิจนอกระบบ
ตัวเลขของรัฐบาลกรุงนิวเดลีคาดการณ์ว่าอินเดีย ซึ่งมีขนาดเศรษฐกิจใหญ่เป็นอันดับสามของเอเชีย จะเติบโตได้ในระดับ 8 - 8.5% สำหรับปีงบประมาณใหม่ซึ่งจะเริ่มตั้งแต่เดือนเมษายนนี้ โดย Nirmala Sitharaman รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังของอินเดียกล่าวระหว่างการแถลงงบประมาณประจำปีเมื่อวันอังคารว่าเศรษฐกิจของอินเดียสามารถฟื้นตัวได้อย่างรวดเร็วถึงแม้จะได้รับผลกระทบจากโรคระบาดใหญ่โควิด-19 เมื่อปีที่แล้วก็ตาม
โดยสำหรับปีงบประมาณที่กำลังจะมาถึงนี้อินเดียจะเพิ่มงบประมาณรายจ่ายขึ้นเป็น 5 แสน 3 หมื่น 3 พันล้านดอลลาร์จากตัวเลข 4 แสน 7 หมื่น 7 พันล้านดอลลาร์ของปีที่แล้ว ซึ่งในจำนวนนี้รัฐบาลกรุงนิวเดลีจะใช้เงิน 2 พัน 7 ร้อยล้านดอลล่าร์เพื่อสร้างถนนและทางหลวงรวมทั้งอีก 6 พัน 4 ร้อยล้านดอลลาร์เพื่อสร้างที่อยู่อาศัยให้กับผู้มีรายได้น้อย นอกจากนั้นรัฐบาลอินเดียยังมีแผนจะขยายเส้นทางรถไฟ ท่าเรือ และสนามบิน สร้างรถไฟที่ประหยัดพลังงานและให้การประกันสินเชื่อแก่ธุรกิจขนาดย่อยด้วย
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังของอินเดียกล่าวด้วยว่าการดำเนินการเกี่ยวกับเรื่องสภาพภูมิอากาศของโลกก็เป็นวาระสำคัญเร่งด่วนของรัฐบาลและสัญญาว่าจะให้ความสนใจกับระบบขนส่งที่ใช้พลังงานไฟฟ้ากับพลังแสงอาทิตย์ ทั้งนี้เพื่อลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนของประเทศลง
ตามข้อมูลจากกระทรวงการคลังของอินเดียนั้น งบลงทุนดังกล่าวจะช่วยสร้างงานใหม่ขึ้นราว 6 ล้านตำแหน่งในช่วงห้าปีต่อจากนี้
นักเศรษฐศาสตร์หลายคนแสดงความยินดีเรื่องการตัดสินใจของรัฐบาลอินเดียที่จะเพิ่มการลงทุนเกี่ยวกับระบบโครงสร้างพื้นฐาน อย่างเช่นคุณ Santosh Mehrotra นักเศรษฐศาสตร์ด้านทรัพยากรมนุษย์ได้ชี้ว่าการเพิ่มงบลงทุนของภาครัฐขึ้นเป็น 2.9% ของผลผลิต GDP นั้นเป็นเรื่องที่ดีและเรื่องนี้ก็จะช่วยดึงดูดการลงทุนจากภาคเอกชนด้วย
อย่างไรก็ตามคุณ Santosh Mehrotra เตือนว่าการเน้นการลงทุนในระบบโครงสร้างพื้นฐานซึ่งอาจเป็นผลดีต่อภาคธุรกิจยังไม่ช่วยแก้ปัญหาท้าทายสำคัญที่อินเดียกำลังมีอยู่นั่นคือวิกฤตเกี่ยวกับการว่างงาน เพราะขณะนี้มีแรงงานใหม่ที่เข้าสู่ตลาดแรงงาน 5-6 ล้านคนทุกปี ซึ่งตัวเลขดังกล่าวก็ยิ่งซ้ำเติมปัญหาการว่างงานอย่างร้ายแรงที่มีอยู่เดิม คือ 30 ล้านคนจากตัวเลขของปี 2019 บวกกับผู้ว่างงานอีก 10 ล้านคนจากผลของโควิด-19 ด้วย
นักเศรษฐศาสตร์หลายคนเตือนด้วยว่าขณะที่เศรษฐกิจของอินเดียสามารถฟื้นตัวได้ค่อนข้างดีแต่การขยายตัวดังกล่าวก็ไม่ได้กระจายอย่างทั่วถึงไปยังทุกภาคส่วน โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับภาคเศรษฐกิจนอกระบบที่มีขนาดใหญ่โตมหาศาลในอินเดียและเป็นแหล่งจ้างงานและช่องทางเลี้ยงชีพของผู้คนจำนวนมากในประเทศ เพราะเศรษฐกิจนอกระบบหรือ informal sector นี้ครอบคลุมถึงการประกอบอาชีพอิสระและการจ้างงานอย่างไม่เป็นทางการซึ่งมักไม่ได้รับความคุ้มครองทางกฎหมายและไม่มีหลักประกันหรือมีระบบสวัสดิการใดๆ รองรับด้วย โดยในช่วงสองปีที่อินเดียต้องพบปัญหาการระบาดใหญ่ของโควิด-19 นั้นมีธุรกิจขนาดย่อยหลายหมื่นรายต้องปิดตัวลงเป็นผลให้ครัวเรือนราว 80% ต้องสูญเสียรายได้และทำให้ช่องว่างเรื่องความทัดเทียมด้านรายได้ของอินเดียยิ่งกว้างออกไปด้วย
อย่างไรก็ตามยังพอมีความคาดหวังในแง่ดีว่าอัตราการฉีดวัคซีนซึ่งอยู่ในระดับค่อนข้างสูง คือ 75% ของประชากรวัยผู้ใหญ่ในอินเดียได้รับวัคซีนโควิด-19 ครบโดสแล้ว จะช่วยสร้างความมั่นใจเรื่องการเปิดกิจกรรมส่วนใหญ่ในระบบเศรษฐกิจให้กลับมาดำเนินการอย่างเต็มที่ได้อีกครั้ง
การฟื้นตัวทางเศรษฐกิจของอินเดียในเวลาเพียงสองปีหลังจากที่ต้องเผชิญกับปัญหาโควิด-19 นี้เรียกได้ว่าเกิดขึ้นเร็วที่สุดในบรรดาระบบเศรษฐกิจขนาดใหญ่ของโลกด้วยกัน เพราะในปี 2020 เศรษฐกิจของอินเดียหดตัวลง 6.6% ซึ่งเป็นการหดตัวอย่างรุนแรงที่สุดในรอบ 40 ปี แต่เมื่อปีที่แล้วเศรษฐกิจอินเดียขยายตัวได้ 9.2% และคาดว่าจะขยายตัวต่อไปที่ระดับ 8 - 8.5% สำหรับปีงบประมาณใหม่ที่กำลังจะมาถึงนี้
ที่มา: VOA