อินเดียมียอดผู้ติดเชื้อโคโรนาไวรัสแซงรัสเซียขึ้นอันดับ 3 ของโลก

Homeless men sleep on a handcart parked on a road divider in a containment zone during lockdown in Bengaluru, India, Sunday, July 5, 2020. India's coronavirus caseload is fourth in the world behind the U.S., Brazil and Russia. (AP Photo/Aijaz Rahi)

อินเดียรายงานตัวเลขผู้ติดเชื้อโคโรนาไวรัสรายใหม่เพิ่มขึ้นมากกว่า 23,000 รายในวันจันทร์ ทำให้ขณะนี้อินเดียแซงรัสเซียขึ้นมาเป็นประเทศที่มีจำนวนผู้ติดเชื้อสะสมมากที่สุดเป็นอันดับสามของโลก รองจากสหรัฐฯ และบราซิล

ข้อมูลจากมหาวิทยาลัยจอนส์ ฮอพกินส์ ณ วันจันทร์ที่ 6 ก.ค. ตามเวลาในสหรัฐฯ ระบุว่า ตัวเลขผู้ติดเชื้อทั่วโลกทะลุระดับ 11.5 ล้านคนไปแล้ว โดยสหรัฐฯ เป็นประเทศที่มีจำนวนผู้ติดเชื้อสะสมมากที่สุดกว่า 2.9 ล้านคน รองลงมาคือบราซิล 1.6 ล้านคน และอินเดีย 697,000 คน

ในส่วนของยอดผู้เสียชีวิตนั้น ตัวเลขจากทั่วโลกอยู่ที่กว่า 535,000 คน โดยอันดับหนึ่งอยู่ที่สหรัฐฯ ที่กว่า 130,000 คน ตามมาด้วยบราซิลที่เกือบ 65,000 คน และอังกฤษที่กว่า 44,300 คน

ขณะนี้ทางการอินเดียได้สั่งห้ามการเดินทางระหว่างประเทศ แต่ได้ผ่อนคลายมาตรการควบคุมการเดินทางภายในประเทศบ้างแล้วเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ

ที่รัฐอุตตระประเทศ ซึ่งเป็นรัฐที่มีประชากรมากที่สุด ทางการได้สั่งขยายเวลาใช้มาตรการล็อคดาวน์ภาคธุรกิจและปิดแหล่งท่องเที่ยวต่าง ๆ รวมทั้ง ทัช มาฮาล เนื่องจากยังคงมีผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว

และที่ออสเตรเลีย ทางการได้สั่งปิดพรมแดนระหว่างรัฐวิคตอเรียและรัฐนิวเซาธ์เวลส์ ซึ่งเป็นสองรัฐที่มีประชากรมากที่สุดของออสเตรเลีย หลังจากพบผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา ถือเป็นครั้งแรกในรอบ 100 ปีที่มีการปิดพรมแดนระหว่างสองรัฐดังกล่าว

ในวันเดียวกันนี้เอง รัฐบาลกรีซสั่งห้ามรับผู้ที่เดินทางจากประเทศเซอร์เบียเข้าประเทศจนถึงวันที่ 15 กรกฎาคม ส่วนที่สเปน รัฐบาลได้สั่งล็อคดาวน์เขตปกครองลามารีน่า ในแคว้นกาลีเซียทางตะวันตกเฉียงเหนือของสเปน หลังจากมีรายงานผู้ติดเชื้อรายใหม่เพิ่มขึ้นจากบาร์หลายแห่งในเมืองดังกล่าว ขณะที่อิสราเอลประกาศในวันจันทร์ สั่งปิดบาร์ คลับ ยิม และสระว่ายน้ำสาธารณะทั้งหมด พร้อมสั่งให้ร้านอาหารและศาสนสถานลดจำนวนคนที่เข้ามาให้พื้นที่ลงด้วย หลังตัวเลขผู้ติดเชื้อสะสมเพิ่มขึ้นเป็นกว่า 30,000 คน และมีผู้เสียชีวิตแล้วไม่น้อยกว่า 330 คน

ส่วนที่ซาอุดิอาระเบีย รัฐบาลได้ประกาศจำกัดจำนวนนักแสวงบุญชาวมุสลิมที่จะเดินทางมายังนครเมกกะเพื่อเข้าร่วมในพิธีฮัจจ์ โดยสามารถเดินทางไปได้เพียง 1,000 คน จากเดิมที่มีชาวมุสลิมเดินทางไปเข้าร่วมในพิธีศักดิ์สิทธิ์นี้ราว 2.5 ล้านคนในแต่ละปี

ทางการซาอุฯ ระบุว่า จะอนุญาตให้เฉพาะชาวมุสลิมในประเทศเท่านั้นที่สามารถเข้าร่วมพิธีในปีนี้ แต่ไม่อนุญาตชาวมุสลิมจากต่างประเทศ โดยจะยังมีการใช้มาตรการเว้นระยะห่างอย่างน้อย 1.5 เมตรอย่างเคร่งครัดด้วย

ขณะเดียวกัน ผู้บริหารลีกการแข่งขันเบสบอลในญี่ปุ่นตัดสินใจอนุญาตให้ผู้เข้าชมการแข่งขันในสนามเพิ่มขึ้นถึงระดับ 50 เปอร์เซ็นต์ของพื้นที่ หรือไม่เกิน 5,000 คน ตั้งแต่วันศุกร์นี้เป็นต้นไป

และที่กรุงปารีส รัฐบาลฝรั่งเศสอนุญาตให้พิพิธภัณฑ์ลูฟวร์เปิดให้บริการตั้งแต่วันจันทร์ตามเวลาท้องถิ่น โดยผู้ที่เข้าใช้บริการต้องสวมหน้ากากและรักษาระยะห่างตลอดเวลาที่อยู่ภายในอาคาร ทั้งยังต้องทำการฆ่าเชื้อที่มือด้วยน้ำยาฆ่าเชื้อที่ตั้งไว้ที่ทางเข้าของพิพิธภัณฑ์ด้วย