ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ มีคำสั่งให้สำนักงานตรวจคนเข้าเมืองเเละศุลกากรแห่งสหรัฐฯ หรือ ICE ดำเนินการตรวจค้นและจับกุมผู้อพยพเข้าเมืองโดยผิดกฏหมายทั่วอเมริกา มีผลบังคับใช้ในวันอาทิตย์นี้เป็นวันแรก ตามรายงานของหนังสือพิมพ์ The Washington Post
ทาง The Washington Post และ CNN รายงานตรงกันว่าปฏิบัติการดังกล่าว พุ่งเป้าไปที่ครอบครัวผู้อพยพมากถึง 2,000 ครอบครัว ใน 10 เมืองใหญ่ทั่วอเมริกา อาทิ ฮิวสตัน ชิคาโก ไมอามี และลอส แองเจลีส
นอกจากนี้ The Washington Post รายงานด้วยว่า ทาง ICE มีแผนที่จะใช้โรงแรมเป็นที่ควบคุมตัวผู้อพยพผิดกฏหมายทั้งพ่อแม่และเด็กเป็นการชั่วคราวก่อนส่งกลับประเทศ
มาตรการดังกล่าวเกิดขึ้นหลังจากผู้นำสหรัฐฯ ทวีตเมื่อวันจันทร์ว่า สหรัฐฯจะเริ่มต้นส่งผู้อพยพโดยผิดกฏหมายหลายล้านคนกลับประเทศบ้านเกิดของพวกเขาในสัปดาห์หน้า แต่มาตรการบุกจับและส่งกลับประเทศของ ICE ที่จะมีผลบังคับใช้ในวันอาทิตย์นี้เป็นวันแรกถือเป็นสิ่งที่คาดไม่ถึงอย่างมาก แต่ทางเจ้าหน้าที่ในกระทรวงความมั่นคงแห่งมาตุภูมิ และสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองเเละศุลกากรแห่งสหรัฐฯ บอกว่าแผนการส่งผู้อพยพผิดกฏหมายกลับประเทศอยู่ในการพิจารณามานานหลายเดือน
ทางรักษาการผู้อำนวยการสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองเเละศุลกากรแห่งสหรัฐฯ หรือ ICE ที่ดูแลเรื่องนี้โดยตรง บอกว่าการบุกจับและส่งกลับประเทศเป็นมาตรการที่จำเป็นต่อการรักษาระบบตรวจคนเข้าเมืองของสหรัฐฯ ซึ่งครอบครัวผู้อพยพไม่สามารถหลีกเลี่ยงกฏหมายผู้อพยพได้ พร้อมแนะให้ผู้อพยพเข้าสหรัฐฯอย่างผิดกฏหมายยอมมอบตัวแก่ทางเจ้าหน้าที่โดยตรง
อย่างไรก็ตาม ทางรักษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงความมั่นคงแห่งมาตุภูมิ เควิน แมคอาลีแนน (Kevin McAleenan) เตือนว่า การบุกจับกุมผู้อพยพถึงในบ้านหรือที่ทำงาน เพิ่มความเสี่ยงในการพรากเด็กจากอกพ่อแม่มากขึ้น
ก่อนหน้านี้ รัฐบาลทรัมป์ เปิดเผยว่า เป้าหมายแรกในภารกิจนี้ คือการจัดการส่งผู้อพยพเข้าเมืองโดยผิดกฏหมาย 1 ล้านคนที่มีคำสั่งให้ออกนอกประเทศ แต่ที่ผ่านมาสหรัฐฯเคยส่งผู้อพยพผิดกฏหมายกลับประเทศมากที่สุด เมื่อปี ค.ศ. 2013 ที่ 435,000 คน