ไอเอ็มเอฟ ชี้การระบาดของโควิด-19 ทำลายเศรษฐกิจโลกไปแล้ว 12 ล้านล้านดอลลาร์ พร้อมประกาศหั่นประมาณการณ์เศรษฐกิจโลก ว่าจะหดตัวเกือบ 5% ในปีนี้
กองทุนการเงินระหว่างประเทศ หรือ ไอเอ็มเอฟ ปรับประมาณการณ์เศรษฐกิจโลกปีนี้ว่าจะหดตัว 4.9% จากเดิมที่คาดว่าจะหดตัว 3% เมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมา และทางไอเอ็มเอฟเชื่อว่าเศรษฐกิจโลกจะกลับมาขยายตัว 5.4% ในปีหน้า ซึ่งปรับลดลงจาก 5.8% ในการคาดการณ์เมื่อเดือนเมษายน พร้อมทั้งให้จับสัญญาณทิศทางตลาดแรงงานที่จะได้รับผลกระทบหนักจากโควิด-19
โดย Gita Gopinath ตัวแทนจากไอเอ็มเอฟ ระบุว่า โควิด-19 ได้ทำให้เศรษฐกิจโลกเผชิญกับภาวะล็อคดาวน์ครั้งใหญ่ ที่แม้ว่าจะช่วยลดการแพร่ระบาดของโควิดได้ แต่กลับกระตุ้นให้เศรษฐกิจโลกเผชิญกับภาวะถดถอยครั้งเลวร้ายที่สุด นับตั้งแต่ Great Depression ด้วยเช่นกัน
การปรับประมาณการณ์เศรษฐกิจโลกรอบล่าสุดของไอเอ็มเอฟ นับว่าเลวร้ายกว่าวิกฤตการเงินรอบล่าสุดเมื่อสิบปีก่อน ที่จีดีพีโลกหดตัว 0.1% ภายใต้สถานการณ์ที่ทั่วโลกยังคงต้องรักษาระยะห่างทางสังคมกันต่อเนื่องไปจนถึงสิ้นปีนี้ แต่ประมาณการณ์ล่าสุดของไอเอ็มเอฟ ยังถือว่าดูดีกว่าประมาณการณ์เศรษฐกิจโลก จากธนาคารโลกและ OECD ที่คาดว่าเศรษฐกิจโลก จะหดตัวได้ถึง 5.2% และ 6% ตามลำดับ ก่อนจะเห็นสัญญาณฟื้นตัวได้ในปีหน้า
ถ้าดูเป็นรายประเทศ ไอเอ็มเอฟ ประเมินว่า ในปีนี้เศรษฐกิจจีนจะเติบโตได้ 1% สหรัฐฯ หดตัว 8% อินเดียหดตัว 4.5% บราซิลหดตัว 9.1% เม็กซิโกหดตัว 10.5% อังกฤษหดตัว 10.2% ส่วนฝรั่งเศสและอิตาลี หดตัว 12.5% และ 12.8% ตามลำดับ ส่วนประเทศไทย ไอเอ็มเอฟ คาดว่าเศรษฐกิจไทยจะหดตัว 7.7% และคาดว่าจะกลับมาขยายตัวได้ 5% ในปีหน้า
ไอเอ็มเอฟ ประเมินว่า พิษโควิด-19 สะเทือนเศรษฐกิจโลกคิดเป็นมูลค่า 12 ล้านล้านดอลลาร์ไปแล้ว และว่าต้องใช้เวลาอย่างน้อย 2 ปี กว่าเศรษฐกิจโลกจะกลับฟื้นคืนมาเหมือนช่วงปลายปี 2019 ได้ พร้อมทั้งแนะรัฐบาลให้ระมัดระวังเรื่องการลดระดับความช่วยเหลือด้านการเงินเพื่อพยุงเศรษฐกิจที่เปราะบางจากโคโรนาไวรัส