Your browser doesn’t support HTML5
องค์กรแรงงานระหว่างประเทศ (International Labor Organization) หรือ ILO เตือนถึงวิกฤตแรงงานที่ทำหน้าที่ดูแลบุคคล เช่น ผู้สูงอายุและเด็ก โดยระบุว่าจากนี้ไปอีก 12 ปีควรมีการลงเงินเพื่อให้การศึกษาแรงงานด้านนี้ 18,400 ล้านดอลลาร์ เพื่อเลี่ยงวิกฤตดังกล่าว
ILO ระบุในรายงานว่า ในปี ค.ศ. 2015 มีการลงทุนด้านการศึกษาเพียง 5,500 ล้านดอลลาร์เท่านั้น สำหรับความรู้การศึกษา สุขภาพและงานด้านสังคม
รายงานขององค์กร ILO ชี้ว่า ส่วนใหญ่ของงานดูแลผู้สูงอายุและเด็ก ทำโดยแรงงานที่ไม่ได้ค่าจ้างซึ่งส่วนมากเป็นสตรีและเด็กหญิง
การถูกใช้งานด้านนี้เป็นอุปสรรคทำให้สตรีไม่ได้ค่าตอบแทนและขาดโอกาสในการพัฒนาตนเองให้ทำงานได้ดีขึ้น
เจ้าหน้าที่ผู้จัดทำงานรายงาน Laura Addati ให้สัมภาษณ์กับวีโอเอว่า ผู้หญิง 606 ล้านคนทั่วโลก ไม่ได้เงินตอบแทนเพราะต้องดูแลบุคคลในครอบครัว ตัวเลขดังกล่าวสูงกว่าประชากรชาย 41 ล้านคนที่อยู่ในสถานการณ์เดียวกันอย่างมาก
เธอบอกว่า คนกลุ่มนี้ควรได้รับโอกาสเป็นกำลังช่วยขับเคลื่อนภาคแรงงาน ดังนั้นหากเปลี่ยนให้คนเหล่านี้ได้ทำงาน พวกเขาจะมีอาชีพที่ทำให้สังคมได้ประโยชน์
Laura Addati แนะนำว่า กระบวนการแก้ไขคือให้เกิดแรงงานที่ทำงานเรื่องการดูแลสุขภาพที่ได้ค่าตอบแทน กระบวนการดังกล่าวตอบรับกับสถานการณ์ที่คนจำนวนมากขึ้นสร้างครอบครัวที่อยู่กันเฉพาะพ่อ แม่และลูกๆ มากกว่าครอบครัวขยายที่มีเครือญาติร่วมอาศัย
ด้วยเหตุที่ว่าครอบครัวเดี่ยวมักต้องหาแรงงานดูแลเด็กและผู้สูงอายุเอง ความต้องการคนทำงานด้านนี้จึงมีมากขึ้น
ปัจจุบันมีประชากรที่ทำงานด้านการให้ความดูแลกว่า 380 ล้านคนทั่วโลก โดยสองในสามเป็นสตรี แต่สำหรับภูมิภาคยุโรป อเมริกา และเอเชียกลาง ร้อยละ 75 ของคนที่ทำงานนี้จะเป็นผู้หญิง
และสำหรับประเทศในแอฟริกา ลาตินอเมริกาและเอเชีย งานด้านการให้ความดูแลเด็กและผู้สูงอายุส่วนใหญ่ เป็นไปในรูปแบบที่ไม่เป็นทางการ
ท้ายสุด ILO กล่าวว่า อาจเกิดงานประมาณ 269 ล้านตำแหน่ง หากการลงทุนด้านการศึกษา สุขภาพและงานทางสังคมเพิ่มขึ้นสองเท่าภายในปี ค.ศ. 2030
(รายงานโดยผู้สื่อข่าว Lisa Schlein / รัตพล อ่อนสนิท เรียบเรียง )