พายุเฮอริเคนฮาร์วีย์ และเออร์มา ที่พัดถล่มทางใต้ของสหรัฐฯ ในช่วง 3 สัปดาห์ที่ผ่านมา ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจอเมริกาในวงกว้าง ตั้งแต่อุตสาหกรรมพลังงานและโรงกลั่นน้ำมันในรัฐเท็กซัส ธุรกิจการบิน ธุรกิจประกัน ไปจนถึงร้านค้าแบบหลายสาขา
บริษัทน้ำมันรายใหญ่ที่สุดในโลก Exxon ต้องปิดโรงกลั่นบางแห่งในรัฐเท็กซัสในช่วงที่มีพายุเฮอริเคนฮาร์วีย์ ทำให้สูญเสียกำลังการผลิตหลายแสนบาร์เรลต่อวัน อย่างไรก็ตาม ผู้บริหารของ Exxon กล่าวว่ายังไม่สามารถระบุได้ว่าความสูญเสียครั้งนี้มีมูลค่ามากน้อยแค่ไหน
ในส่วนของธุรกิจสายการบิน American Airlines ได้ปรับลดการคาดการณ์รายได้ในไตรมาสที่ 3 ของปีนี้ลงอยู่ที่ระดับไม่เกิน 1% หลังจากมีการยกเลิกเที่ยวบินกว่า 5,000 เที่ยว เนื่องจากพายุเฮอริเคนเออร์มา ขณะที่ Southwest Airlines ประเมินความเสียหายจากเฮอริเคนฮาร์วีย์อยู่ที่ 40 – 60 ล้านดอลลาร์ และจากเฮอริเคนเออร์มาในระดับเดียวกัน
ในส่วนของร้านค้า ร้านกาแฟ Starbuck ปิดร้านสาขากว่า 700 แห่งในรัฐฟลอริดาและรัฐจอร์เจีย และในแถบแคริบเบียน ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อผลประกอบการระหว่างเดือน ก.ค. – ก.ย. เช่นกัน
ในขณะเดียวกัน พายุเฮอริเคนทั้งสองลูกยังส่งผลกระทบต่ออัตราเงินเฟ้อและตลาดการจ้างงานในสหรัฐฯ ด้วย
รายงานระบุว่า อัตราเงินเฟ้อในสหรัฐฯ สูงขึ้น 1.9% ในช่วงหนึ่งปีที่ผ่านมา ส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากราคาน้ำมันที่เพิ่มขึ้นจากเหตุการณ์เฮอริเคนฮาร์วีย์ถล่มรัฐเท็กซัส ทำให้โรงกลั่นน้ำมันต่างๆ ต้องปิดตัวลง
ในส่วนของตลาดการจ้างงาน กระทรวงแรงงานสหรัฐฯ เปิดเผยว่ามีคนลงชื่อขอรับสวัสดิการการว่างงานลดลง 14,000 คนในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา หลังจากเพิ่มขึ้นไปหลายหมื่นรายในสัปดาห์ก่อนหน้านั้น หลังพายุเฮอริเคนฮาร์วีย์
แต่นักวิเคราะห์เชื่อว่า จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการการว่างงานจะเพิ่มขึ้นแบบก้าวกระโดดในช่วงไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้า ซึ่งเป็นผลมาจากเฮอริเคนเออร์มา ถึงกระนั้น ตัวเลขแสดงให้เห็นว่าตลาดการจ้างงานของสหรัฐฯ ยังคงแข็งแรง แม้จะเพิ่งผ่านพ้นภัยพิบัติจากพายุเฮอริเคนสองลูกใหญ่ๆ มาก็ตาม