ฮิวแมน ไรท์ส วอทช์กล่าวหาจีนว่า “ก่ออาชญาการต่อมนุษยชาติ” แก่ชาวอุยกูร์

FILE PHOTO: Workers walk by the perimeter fence of what is officially known as a vocational skills education centre in Dabancheng in Xinjiang Uighur Autonomous Region, China September 4, 2018. REUTERS/Thomas Peter/File Photo

กลุ่มสิทธิมนุษยชน ฮิวแมน ไรท์ส วอทช์ ประกาศย้ำว่า จีน “ได้ก่ออาชญากรรมต่อมนุษยชาติ” กับชาวพื้นเมืองอุยกูร์ผู้นับถือศาสนาอิสลาม รวมทั้งชนชาวมุสลิมที่อาศัยอยู่ในมณฑลซินเจียง ทางตะวันตกของประเทศ

ในรายงานฉบับล่าสุดของ ฮิวแมน ไรท์ส วอทช์ ที่ออกมาในวันจันทร์ มีการระบุว่า “ผู้นำจีนคือผู้ที่ต้องรับผิดชอบต่อการดำเนินนโยบายต่างๆ ในการจับกุมคุมขัง ทรมาน และทำการข่มเหงด้านวัฒนธรรม รวมทั้งการละเมิดสิทธิ์ด้านต่างๆ อย่างเป็นระบบและกว้างขวาง” ในกลุ่มชนชาวอุยกูร์ในซินเจียง พร้อมทั้งขอให้นานาชาติร่วมมือกันลงโทษผู้ที่อยู่เบื้องหลังการกระทำดังกล่าวด้วย

ฮิวแมน ไรท์ส วอทช์ ยังกล่าวด้วยว่า การข่มเหงรังแกชาวมุสลิมอุยกูร์ของรัฐบาลจีนนั้นไม่ใช่เรื่องใหม่ แต่ปัญหานี้ได้ยกระดับรุนแรงถึงขั้นที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมาแล้ว

FILE PHOTO: A security camera is seen in a renovated section of the Old City in Kashgar, Xinjiang

เบธ ฟาน ชาค อาจารย์จาก Center for Human Rights and International Justice แห่งมหาวิทยาชัยสแตนฟอร์ด ให้ความเห็นว่า นโยบายรัฐบาลจีนและการดำเนินการต่างๆ ต่อกลุ่มชนมุสลิมอุยกูร์ในมณฑลซินเจียงนั้น ชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ แล้วว่า เป็นการกระทำที่เข้าข่ายอาชญากรรมต่อมนุษยชาติ ภายใต้กฎหมายอาชญากรรมสากล และว่าการที่รัฐบาลจีนเองไม่สามารถที่จะหยุดยั้งอาชญกรรมทั้งหลาย รวมทั้งไม่มีการลงโทษผู้ที่เกี่ยวข้องใดๆ แสดงให้เห็นว่า นานาชาติต้องลงมือทำการร่วมกันเข้าจัดการเรื่องนี้ได้แล้ว

อย่างไรก็ดี โฆษกพรรคคอมมิวนิสต์จีนออกแถลงการณ์ในวันจันทร์ปฏิเสธว่า จีนทำการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์และก่ออาชญากรรมต่อมนุษยชาติ ดังที่ฮิวแมน ไรท์ส วอทช์ และกลุ่มอื่นๆ กล่าวหา

ทั้งนี้ กลุ่มปกป้องสิทธิมนุษยชนหลายกลุ่ม รายงานว่า จีนได้ดำเนินมาตรการด้านความมั่นคงครั้งใหญ่ในเขตปกครองตนเองมณฑลซินเจียง ซึ่งทำให้มีการจับกุมผู้คนนับล้านคนไปแล้ว ขณะที่ รัฐบาลจีนเฝ้าปฏิเสธคำขอจากผู้สังเกตการณ์สากลเพื่อเข้าพื้นที่มณฑลซินเจียงมาโดยตลอด