Your browser doesn’t support HTML5
ผู้ก่อตั้งบริษัทเทคโนโลยีหัวเหว่ย เปิดเผยว่า บริษัทกำลังย้ายศูนย์วิจัยไปยังแคนาดา สืบเนื่องจากการถูกรัฐบาลสหรัฐฯ ใช้มาตรการลงโทษ ทำให้ไม่สามารถทำธุรกิจในอเมริกาได้สะดวกเหมือนก่อน
นายเหริน เจิ้งเฟย ให้สัมภาษณ์กับ นสพ. Global and Mail ของแคนาดาว่า การย้ายศูนย์วิจัยครั้งนี้เป็นเรื่องจำเป็นอย่างยิ่ง เนื่องจากหัวเหว่ยถูกสั่งห้ามไม่ให้ปฏิสัมพันธ์กับลูกจ้างในสหรัฐฯ ซึ่งรวมถึงห้ามโทรศัพท์ ห้ามส่งอีเมล์หรือติดต่อกับพนักงานของหัวเหว่ยเองที่อยู่ในอเมริกา ภายใต้ส่วนหนึ่งของมาตรการลงโทษที่สหรัฐฯ นำมาใช้กับหัวเหว่ย
รัฐบาลสหรัฐฯ กล่าวหาว่าอุปกรณ์สื่อสารของหัวเหว่ยเป็นภัยคุกคามด้านความมั่นคง และสั่งห้ามหน่วยงานทั้งของรัฐบาลและเอกชนทำธุรกิจกับหัวเหว่ย
บริษัทหัวเหว่ยคือผู้ผลิตโทรศัพท์มือถือรายใหญ่อันดับ 2 ของโลก และเป็นผู้ผลิตอุปกรณ์สำหรับเครือข่ายโทรคมนาคมรายใหญ่อันดับหนึ่ง
เมื่อเดือนที่แล้ว หัวเหว่ยเริ่มขายโทรศัพท์สมาร์ทโฟนแบบพับได้รุ่น Mate X ที่ผลิตโดยไม่ใช้ชิพที่ผลิตในสหรัฐฯ และไม่มีแอพพ์ของกูเกิล รวมทั้งเตรียมนำระบบปฏิบัติการของตนเองออกมาใช้แทนระบบแอนดรอยด์ของกูเกิลด้วย
และเมื่อเดือนมิถุนายน หัวเหว่ยยืนยันว่าได้ลดตำแหน่งงาน 600 ตำแหน่ง ที่ศูนย์วิจัยในซิลิคอน แวลลีย์ ในเขตซานตาคลาร่า แคลิฟอร์เนีย ทำให้เหลือพนักงานที่นั่นเพียง 250 คน
นอกจากสหรัฐฯ หัวเหว่ยยังมีศูนย์วิจัยอยู่ในเยอรมนี อินเดีย สวีเดน และตุรกี