อดีตผู้นำอิยิปต์ถึงแก่อสัญกรรมในวัย 91 ปี

Ousted former Egyptian President Hosni Mubarak waves to his supporters from his room at the Maadi Military Hospital, where he is hospitalized, as they celebrate Sinai Liberation Day that marks the final withdrawal of all Israeli military forces from…

อดีตประธานาธิบดีอียิปต์ ฮอสนี มูบารัค ผู้ปกครองประเทศเป็นเวลาเกือบ 30 ปีก่อนจะพ้นจากอำนาจเพราะการปฏิวัติของประชาชนในปี ค.ศ. 2011 ถึงแก่อสัญกรรมแล้วในวัย 91 ปี

ข่าวการถึงอสัญกรรมของ อดีตประธานาธิบดีมูบารัค ออกมาอย่างเป็นทางการผ่านสถานีโทรทัศน์ของรัฐบาลอียิปต์ในวันอังคารตามเวลาท้องถิ่น

อดีตปธน.มูบารัค เริ่มต้นเส้นทางการทำงานในกองทัพอากาศของอียิปต์ และไต่เต้าขึ้นมาเป็นผู้บัญชาการกองทัพอากาศ และรัฐมนตรีช่วยกลาโหม

ในปีค.ศ. 1975 อดีตปธน.มูบารัค ก้าวขึ้นมารับตำแหน่งรองประธานาธิบดี ของประธานาธิบดี อันวาร์ ซาดัต ซึ่งถูกลอบสังหารในเดือนตุลาคม ปีค.ศ. 1981 ทำให้เขาได้ขึ้นมาดำรงตำแหน่งผู้นำประเทศคนที่ 4

ปธน.มูบารัค ปกครองประเทศในแบบเผด็จการ ขณะที่ตั้งจุดยืนของตนเองในฐานะพันธมิตรที่ดีของกลุ่มประเทศตะวันตก ด้วยการลงนามในข้อตกลงสันติภาพกับอิสราเอลในปีค.ศ. 1979 แม้ว่าจะมีเสียงต่อต้านมากมายจากกลุ่มประเทศตะวันออกกลาง

ตลอดเวลาที่อยู่ในตำแหน่ง อดีตปธน.มูบารัค ดำเนินนโยบายกำปั้นเหล็กปกครองประเทศ ด้วยการประกาศกฎหมายภาวะฉุกเฉินที่ให้อำนาจหน่วยงานความมั่นคงปราบปรามกลุ่มผู้ต่อต้านและจำกัดสิทธิเสรีภาพของคนในประเทศ โดยในช่วงทศวรรษที่ 90 เขาสั่งการให้เจ้าหน้าที่ปราบปรามกลุ่มมุสลิมหัวรุนแรงที่เข่นฆ่าตำรวจ ทหาร และพลเรือนชาวอียิปต์ รวมทั้งนักท่องเที่ยวต่างชาติหลายร้อยคน

อดีตปธน.มูบารัค ยังเป็นที่จดจำในฐานะผู้นำที่พยายามปราบปรามขบวนการภราดรภาพมุสลิมอียิตป์ ผ่านยุทธวิธีหลากหลายเพื่อลดบทบาทของขบวนการนี้และทำให้เกิดความแตกแยกในกลุ่มผู้สนับสนุน ขณะที่ตัวเขาเองถูกกล่าวหาว่าทุจริตคอร์รัปชั่นด้วย

อย่างไรก็ตาม หลังปกครองประเทศเป็นเวลาเกือบ 3 ทศวรรษที่เต็มไปด้วยความวุ่นวายและปัญหาทางเศรษฐกิจ ประชาชนที่ไม่พอใจในปธน.มูบารัค ก็ออกมาเดินประท้วงทั่วอียิปต์ ในเดือนมกราคม ปีค.ศ. 2011 ซึ่งทำให้อดีตผู้นำต้องออกมาสัญญาว่าจะไม่ลงสมัครรับเลือกตั้งในช่วงปลายปี และจะทำการปฏิรูปรัฐธรรมนูญ แต่ชาวอียิปต์ยังไม่พอใจและเรียกร้องให้มีการเปลี่ยนแปลงมากกว่านั้น ขณะที่คลื่นปฏิวัติเดินขบวนอาหรับสปริงกำลังแผ่ขยายไปทั่วภูมิภาคในเวลานั้น

ต่อมา ในวันที่ 11 กุมภาพันธุ์ ค.ศ. 2011 พล.ท.โอมาร์ สุไลมาน ซึ่งดำรงตำแหน่งรองประธานาธิบดีในเวลานั้น ออกมาประกาศว่า ปธน.มูบารัค ได้ก้าวลงจากตำแหน่งแล้ว และสภาสูงสุดกองทัพอียิปต์จะทำหน้าที่รัฐบาลเฉพาะกาลแทน

อดีตปธน.มูบารัค ถูกจับกุมและนำตัวขึ้นศาลไต่สวนคดีเกี่ยวกับการเสียชีวิตของผู้ต่อต้านประท้วงรัฐบาลจำนวนมากมาย และเขาถูกพิพากษาว่ามีความผิดที่สมรู้ร่วมคิดและไม่พยายามป้องกันไม่ให้เกิดความสูญเสียแก่ชีวิตของคนหลายร้อยคน โดยเขาถูกลงโทษจำคุกตลอดชีวิต แต่ศาลสูงของอียิปต์พิพากษายกฟ้องเขาในเวลาต่อมา

ในปีค.ศ. 2015 อดีตปธน.มูบารัคและลูกชาย 2 คนของเขาถูกลงโทษจำคุก 3 ปีในคดีคอร์รัปชั่น แต่เขาได้รับการปล่อยตัวเป็นอิสระในเดือนมีนาคมปี ค.ศ. 2017