ลัม ฟูน หญิงชราวัย 98 ปี นั่งบนเตียงคนไข้ที่เปียกโชกเช่นเดียวกับผู้ป่วยอีกหลายสิบคนท่ามกลางสายฝนบริเวณที่จอดรถนอกทางเข้าโรงพยาบาล Caritas Medical Centre ในฮ่องกง เพื่อรอยืนยันผลตรวจเชื้อโคโรนาไวรัสของเธอ ที่มีผลตรวจในเบื้องต้นมาก่อนแล้วว่าเธอติดเชื้อไวรัส
โรงพยาบาลดังกล่าวไม่มีห้องว่างเหลือแล้ว โดยโรงพยาบาลนี้รองรับประชาชน 400,000 คนในย่านเฉิงซาหว่านของเกาลูน และเจ้าหน้าที่ไม่สามารถบอกได้เช่นกันว่า หญิงชราผู้นี้จะต้องรอผลตรวจอีกนานเท่าใดก่อนจะเข้ารับการรักษาได้
สถานการณ์ที่เกิดขึ้นทั่วเกาะฮ่องกงนี้ ส่งสัญญาณถึงวิกฤตของระบบสาธารณสุข ขณะที่การระบาดของโรคโควิด-19 เพิ่มสูงขึ้น โดยเตียงคนไข้กว่า 95 เปอร์เซ็นต์ในฮ่องกงเต็มหมดแล้ว ตามรายงานของรอยเตอร์
ฮ่องกงเคยรับมือกับโรคระบาดนี้ได้ดี อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ฮ่องกงกับเผชิญการระบาดทั่วเกาะ ขณะที่ภาคธุรกิจบางส่วนเริ่มไม่อยากให้ความร่วมมือกับนโยบาย “โควิดเป็นศูนย์” ของรัฐบาลฮ่องกงอีกต่อไป
ในย่านซัมซุยโป ซึ่งเป็นย่านชนชั้นแรงงานของฮ่องกง มีการปิดย่านที่อยู่อาศัยและอาคารเคหะมวลชน ผู้คนตามห้างและตลาดถนนคนเดินมีจำนนวนน้อยลง และแผงอาการตามถนนก็ปิดตัวมากขึ้นในเวลากลางคืน
เทรเวอร์ ชุง แพทย์ที่โรงพยาบาล Caritas วัย 29 ปี กล่าวว่ารัฐบาลประเมินสถานการณ์ต่ำไป ทำให้เกิดการขาดแคลนเตียงคนไข้ อุปกรณ์การแพทย์ ไปจนถึงจำนวนผู้ปฏิบัติงาน ซึ่งย่านเฉิงซาหว่านที่โรงพยาบาลตั้งอยู่นั้น มีผู้สูงอายุที่ไม่ฉีดวัคซียอยู่เป็นจำนวนมาก
เมือวันพฤหัสบดี ทางการฮ่องกงกล่าวขอโทษต่อสถานการณ์ในโรงพยาบาลทั่วฮ่องกง ที่มีประชาชน 7.4 ล้านคน
นโยบายโควิดเป็นศูนย์ของฮ่องกงนั้น กำหนดให้ผู้ติดเชื้อที่ไม่มีอาการหรือมีอาการน้อย ต้องถูกส่งตัวไปยังโรงพยาบาลหรือศูนย์กักตัวด้วย อย่างไรก็ตาม รัฐบาลกำลังปรับแผนดังกล่าวขณะที่ระบบสาธารณสุขกำลังถึงขีดจำกัด
การระบาดครั้งนี้ยังเพิ่มแรงกดดันไปยังนางแคร์รี หลั่ม ผู้ว่าการเกาะฮ่องกง ที่จะครบวาระดำรงตำแหน่งในเดือนมิถุนายนนี้ โดยผู้นำฮ่องกงเคยประกาศว่าจะไม่ยอมแพ้ต่อไวรัส ในขณะที่ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ของจีน ประกาศว่า ฮ่องกงต้องควบคุมไวรัสให้อยู่หมัด
อย่างไรก็ตาม ประชาชนบางส่วนกลับไม่เห็นด้วยกับนโยบายโควิดเป็นศูนย์ เช่นโล ไก-ไว พนักงานขนส่งวัย 59 ปีที่ต่อคิวตรวจเชื้อไวรัส ที่ไม่ต้องการให้นางหลั่มดำรงตำแหน่งผู้นำต่ออีกสมัย โดยเขาระบุว่า เขาต้องใส่หน้ากากสองชั้นเพื่อป้องกันตนเอง “เนื่องจากรัฐบาลจะไม่ปกป้องผม”
ทีโมธี พูน ผู้จัดการคาเฟ่ใกล้โรงพยาบาล Caritas วัย 23 ปี ระบุว่า รัฐบาลจะต้องหาวิธีที่สมดุลที่ทั้งควบคุมไวรัสและให้ประชาชนใช้ชีวิตต่อไปได้ โดยนคาเฟ่ที่เขาทำงานอยู่ มีผลประกอบการลดลง 60 เปอร์เซ็นต์ในช่วงการระบาดของไวรัส
- ที่มา: รอยเตอร์