Your browser doesn’t support HTML5
วงการแพทย์เพิ่งค้นพบวิธีบำบัดโรคไวรัสตับอักเสบชนิดซีไปเมื่อไม่นานมานี้ โรคไวรัสตับอักเสบชนิดซีเคยรักษายากเพราะดื้อต่อยา แต่การบำบัดโรคไวรัสตับอักเสบชนิดซีวิธีใหม่นี้มาพร้อมกับค่ารักษาพยาบาลที่สูงลิบลิ่วหรือราว 80,000 ดอลล่าร์สหรัฐ คิดเป็นเงินไทยที่ 2 ล้าน 4 แสนกว่าบาท
อย่างไรก็ดี ขณะนี้กำลังมีความคืบหน้าด้านการพัฒนาวัคซีนป้องกันไวรัสตับอักเสบซี วัคซีนตัวนี้ผลิตจากเชื้อไวรัสโรคหวัดที่ไม่แพร่เชื้อที่ได้จากลิงชิมแพนซีผสมกับโปรตีนจากเชื้อไวรัสตับอักเสบซี วัคซีนตัวนี้จะกระตุ้นให้ร่างกายสร้างเซลล์ภูมิต้านทานหลักจำนวนหลายพันตัวขึ้นมาเพื่อต่อต้านการติดเชื้อไวรัสตับอักเสบซี
คุณ Eleanor Barnes นักวิทยาศาสตร์ประจำวิทยาลัยการแพทย์แห่งมหาวิทยาลัยอ็อกซ์ฟอร์ดในอังกฤษกล่าวว่ายาบำบัดโรคตับอักเสบซีที่มีราคาแพงช่วยรักษาโรคได้แต่ไม่สามารถป้องกันการติดเชื้อครั้งใหม่จากไวรัสตับอักเสบซีสายพันธุ์อื่นได้
คุณ Barnes กล่าวว่าในทางตรงกันข้าม วัคซีนป้องกันไวรัสตับอักเสบซี หากทดสอบแล้วมีประสิทธิภาพจะช่วยป้องกันคนเราไม่ให้ติดเชื้อไวรัสตับอักเสบซีได้ตลอดชีวิตด้วยการฉีดวัคซีนเพียงหนึ่งถึงสองเข็มเท่านั้น เธอชี้ว่าวัคซีนได้พิสูจน์ให้เห็นกันมานานแล้วว่าเป็นวิธีการแทรกแซงทางการแพทย์ที่ดีที่สุด
ไวรัสตับอักเสบซียังสามารถแพร่ระบาดผ่านการเปลี่ยนถ่ายเลือด การใช้มีดโกนและแปรงสีฟันร่วมกับคนที่เป็นโรคนี้ ตลอดจนผ่านทางการมีเพศสัมพันธ์กับผู้ที่ติดเชื้อ
เชื้อไวรัสตับอักเสบซีมีหลายสายพันธุ์และพบในพื้นที่แตกต่างกันทั่วโลก คุณ Barnes กล่าวว่าวัคซีนที่กำลังอยู่ระหว่างการพัฒนานี้อาจมีศักยภาพในการป้องกันเชื้อไวรัสตับอักเสบซีได้หลายสายพันธุ์
โดยปกติแล้ว วัคซีนถูกพัฒนาให้กระตุ้นระบบภูมิต้านทานร่างกายให้สร้างแอนติบอดี้เฉพาะอย่างขึ้นมาต่อต้านเชื้อโรคเฉพาะโรค แอนติบอดี้เป็นระบบต้านทานในร่างกายด่านแรกที่ทำงานทันทีที่เชื้อโรคเข้าสู่ร่างกายก่อนจะกระตุ้นให้ระบบภูมิต้านทานโดยรวมเริ่มทำงานในการต่อต้านเชื้อโรคร่วมกัน
แต่คุณ Barnes ชี้ว่าวัคซีนป้องกันไวรัสตับอักเสบซีที่เธอและทีมงานกำลังพัฒนาอยู่นี้แตกต่างไปจากวัคซีนชนิดอื่นๆ วัคซีนที่กำลังพัฒนาอยู่นี้ออกแบบให้กระตุ้นการทำงานของเซลล์ภูมิต้านทานหรือทีเซลล์ให้ต่อต้านเชื้อโรคอย่างแข็งขันทันทีที่เชื้อโรคเข้าสู่ร่างกาย ทีเซลล์จะมุ่งเป้าทำลายหลายๆ ส่วนของตัวเชื้อไวรัส
วัคซีนป้องกันไวรัสตับอักเสบซีตัวนี้ได้ผ่านการทดสอบทางคลีนิคเบื้องต้นแล้ว ซึ่งผลทดสอบชี้ว่าวัคซีนมีความปลอดภัยต่อคน ผลการทดสอบเบื้องต้นนี้จะนำไปสู่การทดสอบทางคลีนิคระดับก้าวหน้าในสหรัฐ โดยจะนำไปทดสอบในกลุ่มอาสาสมัครที่เป็นผู้ฉีดยาเสพติดเข้าเส้นที่ยังปลอดจากเชื้อไวรัสตับอักเสบซี ถือเป็นกลุ่มเสี่ยงสูงต่อการติดเชื้อไวรัสชนิดนี้
อย่างไรก็ตาม วัคซีนนี้มีผลข้างเคียงต่อร่างกายคือทำให้เหนื่อยล้าและปวดศรีษะแบบไมเกรน