'แว่นตากูเกิ้ล' จับมือแอพฯ ใหม่ ช่วย 'เด็กออทิสซึ่ม' เข้าใจความรู้สึกของคนอื่น

Your browser doesn’t support HTML5

App ชิ้นใหม่ใช้กับ Google Glass ช่วยเด็กออทิสซึ่มเข้าใจความรู้สึกของคนอื่น

นักวิจัยอเมริกันคิดค้น App ใช้กับ Google Glass เพื่อช่วยเด็กออทิสซึ่มอ่านความรู้สึกของคนอื่นผ่านสีหน้า

Your browser doesn’t support HTML5

App ชิ้นใหม่ใช้กับ Google Glass

จูเลี่ยน บราวน์ เป็นออทิสซึ่ม ความบกพร่องนี้ทำให้เขาไม่เข้าใจความรู้สึกและอารมณ์ของผู้อื่น เเต่เเว่นตาอัจฉริยะ Google Glass มีโปรแกรม App ตัวใหม่ ที่ช่วยให้เขาสามารถเข้าใจความรู้สึกของคนอื่นๆ ได้

เขากล่าวกับผู้สื่อข่าววีโอเอว่า นี่ไม่ใช่เครื่องมือในการอ่านใจคนอื่น แต่จะช่วยให้เขาเข้าใจความรู้สึกของคนอื่นๆ ได้ดีขึ้น จากการสังเกตุการเเสดงออกทางสีหน้า

App นี้ ออกเเบบโดยทีมนักวิจัยแพทย์ศาสตร์ มหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ด ในรัฐเเคลิฟอร์เนีย

เดนนิส วอลล์ แห่งมหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ด กล่าวว่า เเว่นตาออทิสซึ่มนี้มุ่งสอนเด็กที่มีความบกพร่องด้านนี้ให้เข้าใจว่า สีหน้าของคนอื่นบอกอะไรได้บ้าง ทีมงานเชื่อว่าเมื่อเด็กเข้าใจถึงสีหน้าของผู้อื่นเเล้ว เด็กจะตอบสนองทางสังคมได้ดีขึ้น และมีความมั่นใจมากขึ้นในการสื่อสารกับคนอื่นๆ

App ใหม่ตัวนี้ช่วยให้ผู้ใช้สามารถอ่านการเเสดงออกทางสีหน้าเเบบต่างๆ ที่คนที่เป็นออทิสซึ่มไม่เข้าใจ อาทิ ความรู้สึกมีความสุข เสียใจ ขยะเเขยง แปลกใจ หรือเเม้เเต่ ความรู้สึกเบื่อ

คาทาลิน วอส เเห่งโครงการ Google Glass กล่าวว่า ทีมงานต้องการคิดค้นเครื่องมือช่วยด้านพฤติกรรมที่สามารถบ่งบอกถึงความรู้สึกที่แสดงออกทางสีหน้า เพื่อช่วยให้ผู้ใช้เข้าใจความรู้สึกของผู้อื่นและตอบสนองทางสังคมได้อย่างถูกต้อง

บรรดาผู้ส่งเสริมความเข้าใจเกี่ยวกับออทิสซึ่ม กล่าวว่า App เเว่นตา Google Glass นี้เป็นเพียงส่วนเล็กๆ ที่ช่วยตอบสนองต่อปัญหาที่คนที่เป็นออทิสซึ่มประสบ

จิล เอสเชอร์ แห่งสมาคมออทิสซึ่มในสหรัฐฯ กล่าวว่า นวัตกรรมอะไรก็ตามที่เป็นประโยชน์แก่คนกลุ่มนี้ เป็นสิ่งที่น่ายินดีต้อนรับเสมอ เเต่เทคโนโลยีใหม่ๆ แม้ว่าจะดีที่สุดก็ยังไม่เพียงพอ เพราะคนที่เป็นออทิสซึ่มมักประสบกับปัญหาที่รุนเเรง

มารดาของจูเลี่ยน กล่าวว่า เธอเห็นการเปลี่ยนแปลงที่ดีขึ้น เธอบอกว่า App เเว่นตา Google Glass ช่วยให้ลูกชายสามารถสื่อสารกับคนในครอบครัวได้ดีขึ้น ลูกชายพูดคุยกับตนเองและคนในครอบครัวมากขึ้น โดยลูกชายจะหยุดฟังบทสนทนาของคนในครอบครัวเพื่อเก็บข้อมูล ซึ่งเธอบอกว่าไม่เคยเป็นมาก่อนจนกระทั่งเขาเริ่มใช้ App นี้

ขณะนี้ ทีมนักวิจัยกำลังวิเคราะห์ให้ชัดเจนมากขึ้นว่า App นี้ช่วยเด็กออทิสซึ่มได้หรือไม่และอย่างไร แต่หากสามารถเเสดงผลดี App ตัวนี้อาจจะถูกผลิตออกมาวางตลาดให้ผู้บริโภคได้ใช้กันภายในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า

(เรียบเรียงโดยทักษิณา ข่ายแก้ว วีโอเอภาคภาษาไทยกรุงวอชิงตัน)