ผลของการศึกษาวิจัยพบว่า การเปลี่ยนแปลงลักษณะของยีนเกี่ยวโยงกับโรคเบาหวานชนิดที่ 2

  • แคโรล เพียร์สัน
    เจษฎา สีวาลี

ผลของการศึกษาวิจัยพบว่า การเปลี่ยนแปลงลักษณะของยีนเกี่ยวโยงกับโรคเบาหวานชนิดที่ 2

คนในโลกสองร้อยล้านกว่าคนเป็นโรคเบาหวานชนิดที่ 2 โรคที่ว่านี้เป็นโรคที่ร้ายแรงซึ่งอาจทำให้ถึงแก่ชีวิตได้ โรคเบาหวานชนิดที่2จำกัดความสามารถของร่างกายคนในการเปลี่ยนกลูโคสในเลือดให้เป็นพลังงาน องค์การอนามัยโลกคาดหมายว่า จำนวนผู้ที่เสียชีวิตจากสาเหตุที่เกี่ยวข้องกับโรคเบาหวานจะเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่าภายในปีพุทธศักราช 2573 แต่ผลของการศึกษาวิจัยครั้งใหม่อาจช่วยเปลี่ยนแนวโน้มดังกล่าวได้ การศึกษาวิจัยที่ว่านี้ชวนให้คิดว่าในหมู่คนที่เป็นโรคเบาหวานในสหรัฐและยุโรปราวร้อยละ 10 นั้นเกิดจากการเปลี่ยนแปลงลักษณะของยีน การศึกษาวิจัยดังกล่าวชวนให้คิดว่าอย่างน้อยที่สุด คนบางส่วนอาจสามารถทราบว่าได้ว่าพวกตนเสี่ยงต่อการที่จะเป็นโรคเบาหวานหรือไม่? นั่นหมายถึงว่าพวกเขาจะได้สามารถไปรับการบำบัดรักษาตั้งแต่เริ่มเป็นและมีวิสัยที่อาจหลีกเลี่ยงการเป็นโรคนี้ได้โดยสิ้นเชิง

คนทั้งในประเทศที่ร่ำรวยและยากจนต่างก็เป็นโรคเบาหวานได้ ตามตัวเลขสถิติขององค์การอนามัยโลก ผู้ที่เสียชีวิตเพราะโรคเบาหวานนั้นกว่าร้อยละ80อยู่ตามประเทศที่มีรายได้ต่ำและรายได้ปานกลาง ปัจจัยเสี่ยงของโรคเบาหวานชนิดที่2มีอยู่สองอย่างคือ อายุและโรคอ้วน ส่วนปัจจัยเสี่ยงอีกอย่างหนึ่งก็คือการที่คนในครอบครัวมีประวัติว่าเป็นโรคที่ว่านี้

ดร. ไอรา โกลด์ฟายน์( Ira Goldfine )แห่งมหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนียวิทยาเขตซานฟรานซิสโก ผู้ศึกษาวิจัย ดีเอ็นเอของผู้ที่เป็นโรคเบาหวานและผู้ที่ไม่ได้เป็นโรคนั้นกล่าวว่า โรคเบาหวานเป็นโรคที่สำคัญมากเพราะผู้ที่เป็นโรคนี้กำลังมีจำนวนเพิ่มขึ้นในทุกประเทศในโลกและเราจำเป็นต้องทราบว่า อะไรคือสาเหตุที่ทำให้เป็นโรคนี้? และเราจะต้องหาวิธีบำบัดรักษาโรคนี้ที่มีประสิทธิภาพมากกว่าเดิม

เมื่อคนเป็นโรคเบาหวาน ร่างกายจะไม่สามารถเปลี่ยนกลูโคสในเลือดให้เป็นพลังงาน เมื่อกลูโคสสะสมอยู่ในเลือด ก็สามารถทำให้เกิดภาวะแทรกซ้อนที่ร้ายแรงซึ่งรวมถึงการถึงแก่ชีวิตด้วย คนที่เป็นโรคเบาหวานจำต้องคอยเช็คกลูโคสในเลือดก็เพราะเหตุที่ว่ามานี้

ดร.อาร์เธอร์ ไลออนส์ ผู้ที่แพทย์วินิจฉัยว่าเป็นโรคเบาหวานชนิดที่2เมื่อสามปีก่อนกล่าวว่า เขาเช็คเลือดเกือบทุกวันก็ว่าได้และดูให้แน่ใจว่ากลูโคสในเลือดอยู่ในระดับปกติเมื่อเปรียบเทียบกันดูแล้ว

ในการศึกษาวิจัย ดร. ไอรา โกลด์ฟายน์และคณะนักวิจัยพบโปรตีนที่ทรงความสำคัญและพบด้วยว่าในรายที่เป็นโรคเบาหวานโปรตีนดังกล่าวบกพร่อง

ยีนที่เป็นตัวผลิตโปรตีนที่ว่านี้มีชื่อเรียกกันว่ายีน HMGA-1 โปรตีนนั้นทรงความสำคัญเพราะเป็นตัวรับอินซูลินและทำให้อินซูลินเกาะติดกับเซลล์ของตับและแปลงกลูโคสในเลือดให้เป็นพลังงาน

ดร. ไอรา โกลด์ฟายน์กล่าวว่า ถ้าเราไม่มียีน HMGA-1 เราก็ไม่มีตัวรับอินซูลิน และถ้าไม่มีตัวรับอินซูลินอินซูลินก็จะทำงานไม่ค่อยมีประสิทธิภาพนัก ดร.ไอรา โกลด์ฟายน์เป็นผู้ร่วมเขียนรายงานผลของการศึกษาวิจัยที่พบเรื่องHMGA-1บกพร่องในหมู่ชาวอิตาลีบางส่วนที่เป็นโรคเบาหวาน นักวิจัยยังพบข้อเท็จจริงดังกล่าวซ้ำอีกในหมู่ชาวอเมริกันและชาวฝรั่งเศสที่เป็นโรคเบาหวาน ผู้ป่วยเหล่านั้นล้วนแต่เป็นชนผิวขาว นักวิจัยพบด้วยว่าผู้เป็นโรคเบาหวานชนิดที่ 2 ราวร้อยละ 10 ในสหรัฐและยุโรป ซึ่งล้วนแต่เป็นชนผิวขาวนั้นมียีนHMGA-1บกพร่อง

ดร.ไอรา โกลด์ฟายน์ กล่าวว่า ตอนนี้เรามีการตรวจคัดโรคเพื่อวินิจฉัยคนเหล่านั้นและผู้ที่เป็นญาติพี่น้องกับพวกเขาเพื่อที่ว่าเราจะได้สามารถเริ่มการบำบัดรักษาและเข้าไปสกัดกั้นได้แต่เนิ่นๆ

การเข้าไปสกัดกั้นแต่เนิ่นๆนี้รวมถึงการเปลี่ยนแปลงวิถีทางการดำเนินชีวิต การออกกำลังกายอย่างพอเพียง การให้ร่างกายมีน้ำหนักตัวอยู่ในเกณฑ์ปกติและการคอยตรวจกลูโคสในเลือดสามารถป้องกันมิให้คนบางส่วนเป็นโรคเบาหวานชนิดที่ 2 ได้ นักวิจัยกล่าวด้วยว่า การเข้าใจองค์ประกอบของยีนของโรคนี้สามารถช่วยให้แพทย์บำบัดรักษาผู้ที่เป็นโรคเบาหวานชนิดที่ 2 ได้ดียิ่งขึ้น

ผลของการศึกษาวิจัยข้างต้นนี้ลงพิมพ์อยู่ในวารสาร Journal of the American Medical Association