ประเทศเฮติเข้าสู่ภาวะโกลาหลในวันพฤหัสบดี หนึ่งวันหลังจากเกิดเหตุลอบสังหารประธานาธิบดีโจเวเนล โมอิส ซึ่งนำไปสู่การไล่ล่าจับกุมคนร้ายหลายคน ซึ่งมีทั้งที่ถูกจับกุมและถูกตำรวจยิงสังหาร
สำนักข่าวเอพีรายงานว่า ตำรวจเฮติได้จับกุมชายสองคนซึ่งเชื่อว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับการลอบสังหารครั้งนี้ และคาดว่าเป็นชาวอเมริกันเชื้อสายเฮติ โดยหนึ่งในนั้นเป็นอดีตบอดี้การ์ดที่สถานทูตแคนาดาในกรุงปอร์โตแปรงซ์ ตามข้อมูลจากแหล่งข่าวที่เป็นเจ้าหน้าที่ระดับสูงของเฮติ
แมทธีอัส ปิแอร์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการเลือกตั้งของเฮติ กล่าวกับสำนักข่าวเอพีว่า นายเจมส์ โซเลจส์ คือหนึ่งในผู้ต้องสงสัย 6 คนที่ถูกจับกุมในช่วง 36 ชั่วโมงที่ผ่านมา นับตั้งแต่เกิดเหตุลอบสังหารประธานาธิบดีโมอิสที่บ้านพักประธานาธิบดี เมื่อช่วงเช้ามืดวันพุธ
ในเว็บไซต์เพื่อการกุศลที่ก่อตั้งขึ้นเมื่อ 2 ปีก่อนที่รัฐฟลอริดา นายโซเลจส์ เรียกตัวเองว่า “เจ้าหน้าที่ด้านการทูตผู้ผ่านการรับรอง” และยังเป็นที่ปรึกษาสำหรับเด็กและเป็นนักการเมือง และยังระบุว่าตนเคยทำงานเป็นบอดี้การ์ดที่สถานทูตแคนาดาประจำเฮติด้วย
SEE ALSO: เฮติ ประกาศสถานการณ์เข้าควบคุมพื้นที่ หลังเกิดเหตุลอบสังหารประธานาธิบดี
ลีออน ชาลส์ ผู้บัญชาการสำนักงานตำรวจแห่งชาติของเฮติ กล่าวว่า คนร้ายผู้ลอบสังหารประธานาธิบดีโมอิส คือทหารรับจ้าง และยืนยันว่าผู้ต้องสงสัย 4 รายได้ถูกยิงสังหารระหว่างการต่อสู้กับตำรวจ และอีก 2 รายถูกจับกุม โดยมีตำรวจสามนายที่ถูกปล่อยตัวเป็นอิสระหลังจากถูกคนร้ายจับไว้เป็นตัวประกัน ซึ่งทางตำรวจจะติดตามจับกุมผู้ต้องสงสัยทุกคนที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับคดีนี้
รักษาการนายกรัฐมนตรีเฮติ คล้อด โจเซฟ ประกาศประกาศสถานการณ์ที่ต้องเข้าควบคุมพื้นที่ หรือ State of Siege ตั้งแต่เช้าวันพุธตามเวลาท้องถิ่นเป็นต้นไป เพื่อนำกฎอัยการศึกมาใช้ควบคุมสถานการณ์ความวุ่นวายในประเทศ พร้อมประกาศว่าจะนำคนร้ายทุกคนมาลงโทษ
(ที่มา: วีโอเอ และเอพี)