ในช่วง 4 ปีระหว่างปีพุทธศักราช 2551 ถึง 2555 มียารักษาโรคที่มีผลข้างเคียงต่อร่างกายหากรับประทานร่วมกันส้มโอเพิ่มขึ้นอย่างมากจาก 17 ชนิดเป็น 43 ชนิด ในช่วง 4 ปีนั้น บรรดานักวิจัยกล่าวว่ามียารักษาโรคที่ออกมาสู่ตลาดปีละ 6 ชนิดเป็นอย่างน้อยที่มีผลข้างเคียงรุนแรงนี้
ส้มโอมีเอ็นไซม์ที่เรียกว่า CYP23A4 ที่มีปฏิกริยากับยารักษาโรคบางชนิดในกระเพาะอาหารและลำใส้ ทำให้ผลของยาลดลงหรือไม่ก็ไปเพิ่มฤทธิ์ของยาในกระเเสเลือดให้รุนแรงมากขึ้นถึงขั้นเป็นอันตรายได้
ยาที่มีปฏิกริยาทางลบหากรับประทานร่วมกับส้มโอได้แก่ยาลดไขมันในเส้นเลือดและยาลดระดับความดันโลหิต
คุณเดวิด เบลลี่ ผู้เชี่ยวชาญด้านเภสัชศาสตร์ที่สถาบันวิจัยสุขภาพ Lawson Health Research Institute ในออนโตริโอ้ประเทศแคนาดากล่าวว่าผู้ผลิตยาหลายบริษัทระบุผลข้างเคียงของยาหากรับประทานร่วมกับส้มโอบนฉลากยาแต่แพทย์จำนวนมากยังไม่รู้เกี่ยวกับเรื่องนี้
เขากล่าวว่าจำเป็นต้องเผยแพร่ข้อมูลนี้ให้แพทย์รับรู้เพื่อให้สามารถแนะนำในการใช้ยาที่ถูกต้องและปลอดภัยแก่ผู้ป่วย
ยารักษาโรคที่ได้รับผลกระทบจากน้ำส้มโอมักจะเป็นยารับประทาน คุณเดวิด เบลลี่ ผู้เชี่ยวชาญด้านยากล่าวว่าโดยปกติแล้วฤทธิืยาจะเข้าไปในกระแสเลือดเพียงเล็กน้อยหลังจากคนไข้กลืนยาลงไป แต่ระดับฤทธิ์ของยาจะเพิ่มสูงขึ้นจนถึงระดับอันตรายหากมีการรับประทานส้มโอหรือดื่มน้ำส้มโอตามลงไปหรือก่อนหน้าเนื่องจากเอนไซม์ CYP23A4 จากส้มโอจะไปทำปฏิกริยากับยาในกระเพาะอาหาร
คุณเบลลี่ ผู้เชี่ยวชาญด้านยากล่าวว่าปริมาณน้ำส้มโอที่ดื่มไม่ว่าจะมากเป็นลิตรๆหรือจะแค่แก้วเดียวก็ล้วนมีผลต่อฤทธิ์ของยาบางชนิดเช่นเดียวกัน ปฏิกริยาทางลบนี้อาจะทำใ้ห้เกิดอาการเลือดออกในลำใส้ การทำงานของอวัยวะในระบบทางเดินหายใจล้มเหลว และเกิดการเสียชีวิตอย่างฉับพลัน อาการป่วยจากฤทธิ์ของยาที่ทวีคูณขึ้นอาจจะเกิดขึ้นหลังดื่มน้ำส้มโอไปนานแล้วก็ได้
คุณเบลลี่กล่าวว่าก่อนซื้อยา คุณควรสอบถามแพทย์ประจำตัวหรือเภสัชกรที่ร้ายขายยาเสียก่อนว่ายาที่จะซื้อนั้นสามารถรับประทานร่วมกับส้มโอหรือน้ำส้มโอได้หรือไม่
บทความเกี่ยวกับผลร้ายของยาหากรับประทานกับส้มโอโดยคุณเดวิด เบลลี่ผู้เชี่ยวชาญด้านยาแคนาดาและทีมงานวิจัยตีพิมพ์เมื่อเร็วๆนี้ในวารสาร Canadian Medical Association Journal
ส้มโอมีเอ็นไซม์ที่เรียกว่า CYP23A4 ที่มีปฏิกริยากับยารักษาโรคบางชนิดในกระเพาะอาหารและลำใส้ ทำให้ผลของยาลดลงหรือไม่ก็ไปเพิ่มฤทธิ์ของยาในกระเเสเลือดให้รุนแรงมากขึ้นถึงขั้นเป็นอันตรายได้
ยาที่มีปฏิกริยาทางลบหากรับประทานร่วมกับส้มโอได้แก่ยาลดไขมันในเส้นเลือดและยาลดระดับความดันโลหิต
คุณเดวิด เบลลี่ ผู้เชี่ยวชาญด้านเภสัชศาสตร์ที่สถาบันวิจัยสุขภาพ Lawson Health Research Institute ในออนโตริโอ้ประเทศแคนาดากล่าวว่าผู้ผลิตยาหลายบริษัทระบุผลข้างเคียงของยาหากรับประทานร่วมกับส้มโอบนฉลากยาแต่แพทย์จำนวนมากยังไม่รู้เกี่ยวกับเรื่องนี้
เขากล่าวว่าจำเป็นต้องเผยแพร่ข้อมูลนี้ให้แพทย์รับรู้เพื่อให้สามารถแนะนำในการใช้ยาที่ถูกต้องและปลอดภัยแก่ผู้ป่วย
ยารักษาโรคที่ได้รับผลกระทบจากน้ำส้มโอมักจะเป็นยารับประทาน คุณเดวิด เบลลี่ ผู้เชี่ยวชาญด้านยากล่าวว่าโดยปกติแล้วฤทธิืยาจะเข้าไปในกระแสเลือดเพียงเล็กน้อยหลังจากคนไข้กลืนยาลงไป แต่ระดับฤทธิ์ของยาจะเพิ่มสูงขึ้นจนถึงระดับอันตรายหากมีการรับประทานส้มโอหรือดื่มน้ำส้มโอตามลงไปหรือก่อนหน้าเนื่องจากเอนไซม์ CYP23A4 จากส้มโอจะไปทำปฏิกริยากับยาในกระเพาะอาหาร
คุณเบลลี่ ผู้เชี่ยวชาญด้านยากล่าวว่าปริมาณน้ำส้มโอที่ดื่มไม่ว่าจะมากเป็นลิตรๆหรือจะแค่แก้วเดียวก็ล้วนมีผลต่อฤทธิ์ของยาบางชนิดเช่นเดียวกัน ปฏิกริยาทางลบนี้อาจะทำใ้ห้เกิดอาการเลือดออกในลำใส้ การทำงานของอวัยวะในระบบทางเดินหายใจล้มเหลว และเกิดการเสียชีวิตอย่างฉับพลัน อาการป่วยจากฤทธิ์ของยาที่ทวีคูณขึ้นอาจจะเกิดขึ้นหลังดื่มน้ำส้มโอไปนานแล้วก็ได้
คุณเบลลี่กล่าวว่าก่อนซื้อยา คุณควรสอบถามแพทย์ประจำตัวหรือเภสัชกรที่ร้ายขายยาเสียก่อนว่ายาที่จะซื้อนั้นสามารถรับประทานร่วมกับส้มโอหรือน้ำส้มโอได้หรือไม่
บทความเกี่ยวกับผลร้ายของยาหากรับประทานกับส้มโอโดยคุณเดวิด เบลลี่ผู้เชี่ยวชาญด้านยาแคนาดาและทีมงานวิจัยตีพิมพ์เมื่อเร็วๆนี้ในวารสาร Canadian Medical Association Journal