ผลการศึกษาชี้นใหม่พบว่าแต่ละส่วนของโลกร้อนขึ้นไม่เท่ากันโดยขึ้นกับว่าตั้งอยู่ในจุดใดของโลกและผู้เชี่ยวชาญจะทำการศึกษาต่อไปว่าทำไมจึงเป็นเช่นนั้น
ผลการวิจัยเกี่ยวภาวะโลกร้อนชิ้นใหม่ชี้ว่าสหรัฐอเมริกาจะประสบกับปัญหาระดับน้ำทะเลจะสูงขึ้น ภัยธรรมชาติจากสภาพภูมิอากาศที่ผันผวนรุนแรง เกิดฝนเเล้งและไฟป่า โดยผลการศึกษานี้คล้องจองกับการประเมินขององค์การสหประชาชาติ
นาย John Holdren ที่ปรึกษาด้านวิทยาศาสตร์แห่งทำเนียบขาวได้เน้นย้ำปัญหาภาวะโลกร้อนนี้ในงานเปิดเผยผลการประเมินสภาวะอากาศแห่งชาติสหรัฐอเมริกาเมื่อเร็วๆ นี้ เขากล่าวว่าผลการศึกษานี้เน้นย้ำให้เห็นว่าภัยธรรมชาติจากภาวะโลกร้อนเป็นภัยที่ใกล้ตัว เป็นภัยที่กำลังเกิดขึ้นในปัจจุบันและส่งผลกระทบต่อชาวอเมริกัน
นาย John Holdren กล่าวว่าช่วงฤดูร้อนในสหรัฐยาวนานกว่าเดิมและร้อนขึ้น ฤดูกาลเกิดไฟป่าในทางฝั่งตะวันตกของประเทศเริ่มต้นขึ้นเร็วกว่าเดิมและยาวนานขึ้น
นาย John Holdren กล่าวว่านอกจากนี้ปริมาณน้ำฝนที่ตกลงมาในพื้นที่หลายๆส่วนทั่วประเทศก็ตกครั้งละปริมาณมากและตกหนัก ประชาชนได้รับผลกระทบจากอาการภูมิแพ้อากาศที่มีช่วงระยะเวลายาวนานขึ้นและรุนแรงกว่าเดิม ภาวะโลกร้อนยังกระทบต่อแหล่งน้ำและการเกษตรกรรมในประเทศรุนแรงกว่าเดิม
แต่ผลการประเมินภาวะโลกร้อนแห่งสหรัฐนี้ไม่สร้างความแปลกใจเเก่ทีมนักวิจัยที่มหาวิทยาลัย Florida State University พวกเขาพัฒนาอุปกรณ์เพื่อติดตามดูภาวะโลกร้อนที่เกิดขึ้นทั่วโลก ยกเว้นในทวีปแอนตาร์กติกาในช่วงหนึ่งร้อยปีที่ผ่านมา
คุณ Eric Chassignet ผู้อำนวยการศูนย์ศึกษาการพยากรณ์ภาวะอากาศโลกและทะเลแห่งมหาวิทยาลัย Florida State University เป็นผู้ร่วมร่างรายงานผลการศึกษาซึ่งตีพิมพ์ในวารสาร Nature Climate Change ไปเมื่อเร็วๆนี้ เขากล่าวถึงเรื่องนี้ว่าการอุ่นขึ้นของโลกได้เริ่มขึ้นในพื้นที่ที่ไกลจากเส้นศูนย์สูตรก่อนเป็นอันดับเเรก ตามด้วยพื้นที่ในเขตกึ่งร้อนทางฝั่งขั้วโลกเหนือ ตามมาด้วยพื้นที่เขตกึ่งร้อนในฝั่งขั้วโลกใต้ ส่วนอุณหภูมิในพื้นที่เขตร้อนได้เย็นลงในช่วงต้นของคริสต์ศวรรษที่ 20 ก่อนจะเริ่มอุ่นขึ้นในเวลาต่อมาแต่เขากล่าวว่าไม่จำเป็นเสมอไปว่าพื้นที่เขตร้อนทั่วโลกจะกลายเป็นพื้นที่ที่ร้อนที่สุดเมื่อเวลาผ่านไป
จากผลการศึกษานี้ พื้นที่ขนาดใหญ่ที่สุดที่อุณหภูมิจะเพิ่มสูงขึ้นมากที่สุดเป็นพื้นที่แห้งแล้งจัดตั้งอยู่ที่ใกล้เส้นศูนย์สูตรของโลกและในขณะที่พื้นที่บางส่วนของโลกเริ่มร้อนขึ้นตั้งเเต่ตอนเริ่มต้นของคริสต์ศวรรษที่แล้ว ทีมนักวิจัยพบว่าพื้นที่หลายส่วนทางใต้ของประเทศเอกวาดอร์ที่เส้นศูนย์สูตรพาดผ่านหรือบริเวณเทือกเขาแอนดีสกลับยังไม่เพิ่มอุณหภูมิสูงขึ้นจนกระทั่งมาถึงในช่วงกลางคริสต์ศวรรษที่แล้ว
คุณ Eric Chassignet นักวิจัยกล่าวว่าเมื่อพูดถึงปัญหาภาวะโลกร้อน คนทั่วไปมักมองว่าเป็นการเพิ่มขึ้นของอุณหภูมิในระดับเดียวกันหมดทั่วโลก แต่จริงๆแล้ว มีปัจจัยหลายอย่างที่เกี่ยวข้องกับการเพิ่มขึ้นของอุณหภูมิโดยขึ้นอยู่กับจุดที่ตั้งของพื้นที่ เขากล่าวว่านักวิจัยยังไม่สามารถเข้าถึงสาเหตุว่าทำไมจึงเป็นเช่นนั้น
ด้านคุณ Zhaohua Wu นักอุตุนิยมวิทยาแห่งมหาวิทยาลัย Florida State University และผู้ร่วมร่างรายงานผลการศึกษา เป็นผู้ออกแบบอุปกรณ์ที่ใช้ในการวิจัยนี้ เขากล่าวว่าผลการวิจัยนี้จะช่วยผู้ออกนโยบายและประชาชนทั่วไปเตรียมตัวได้ดีขึ้นในอนาคตเพื่อรับมือกับภาวะโลกร้อน
คุณ Wu กล่าวว่าข้อมูลที่ได้เกี่ยวกับการเพิ่มขึ้นของอุณหภูมิบนพื้นโลกที่แตกต่างกันไปตามเเต่ละส่วนของโลกนี้จะช่วยเพิ่มความมั่นใจต่อการวางแผนเพื่ออนาคตเพราะการวางเเผนเพื่ออนาคตมีผลต่อการตอบสนองทางเศรษฐกิจและทางสังคม
ผลการวิจัยเกี่ยวภาวะโลกร้อนชิ้นใหม่ชี้ว่าสหรัฐอเมริกาจะประสบกับปัญหาระดับน้ำทะเลจะสูงขึ้น ภัยธรรมชาติจากสภาพภูมิอากาศที่ผันผวนรุนแรง เกิดฝนเเล้งและไฟป่า โดยผลการศึกษานี้คล้องจองกับการประเมินขององค์การสหประชาชาติ
นาย John Holdren ที่ปรึกษาด้านวิทยาศาสตร์แห่งทำเนียบขาวได้เน้นย้ำปัญหาภาวะโลกร้อนนี้ในงานเปิดเผยผลการประเมินสภาวะอากาศแห่งชาติสหรัฐอเมริกาเมื่อเร็วๆ นี้ เขากล่าวว่าผลการศึกษานี้เน้นย้ำให้เห็นว่าภัยธรรมชาติจากภาวะโลกร้อนเป็นภัยที่ใกล้ตัว เป็นภัยที่กำลังเกิดขึ้นในปัจจุบันและส่งผลกระทบต่อชาวอเมริกัน
นาย John Holdren กล่าวว่าช่วงฤดูร้อนในสหรัฐยาวนานกว่าเดิมและร้อนขึ้น ฤดูกาลเกิดไฟป่าในทางฝั่งตะวันตกของประเทศเริ่มต้นขึ้นเร็วกว่าเดิมและยาวนานขึ้น
นาย John Holdren กล่าวว่านอกจากนี้ปริมาณน้ำฝนที่ตกลงมาในพื้นที่หลายๆส่วนทั่วประเทศก็ตกครั้งละปริมาณมากและตกหนัก ประชาชนได้รับผลกระทบจากอาการภูมิแพ้อากาศที่มีช่วงระยะเวลายาวนานขึ้นและรุนแรงกว่าเดิม ภาวะโลกร้อนยังกระทบต่อแหล่งน้ำและการเกษตรกรรมในประเทศรุนแรงกว่าเดิม
แต่ผลการประเมินภาวะโลกร้อนแห่งสหรัฐนี้ไม่สร้างความแปลกใจเเก่ทีมนักวิจัยที่มหาวิทยาลัย Florida State University พวกเขาพัฒนาอุปกรณ์เพื่อติดตามดูภาวะโลกร้อนที่เกิดขึ้นทั่วโลก ยกเว้นในทวีปแอนตาร์กติกาในช่วงหนึ่งร้อยปีที่ผ่านมา
คุณ Eric Chassignet ผู้อำนวยการศูนย์ศึกษาการพยากรณ์ภาวะอากาศโลกและทะเลแห่งมหาวิทยาลัย Florida State University เป็นผู้ร่วมร่างรายงานผลการศึกษาซึ่งตีพิมพ์ในวารสาร Nature Climate Change ไปเมื่อเร็วๆนี้ เขากล่าวถึงเรื่องนี้ว่าการอุ่นขึ้นของโลกได้เริ่มขึ้นในพื้นที่ที่ไกลจากเส้นศูนย์สูตรก่อนเป็นอันดับเเรก ตามด้วยพื้นที่ในเขตกึ่งร้อนทางฝั่งขั้วโลกเหนือ ตามมาด้วยพื้นที่เขตกึ่งร้อนในฝั่งขั้วโลกใต้ ส่วนอุณหภูมิในพื้นที่เขตร้อนได้เย็นลงในช่วงต้นของคริสต์ศวรรษที่ 20 ก่อนจะเริ่มอุ่นขึ้นในเวลาต่อมาแต่เขากล่าวว่าไม่จำเป็นเสมอไปว่าพื้นที่เขตร้อนทั่วโลกจะกลายเป็นพื้นที่ที่ร้อนที่สุดเมื่อเวลาผ่านไป
จากผลการศึกษานี้ พื้นที่ขนาดใหญ่ที่สุดที่อุณหภูมิจะเพิ่มสูงขึ้นมากที่สุดเป็นพื้นที่แห้งแล้งจัดตั้งอยู่ที่ใกล้เส้นศูนย์สูตรของโลกและในขณะที่พื้นที่บางส่วนของโลกเริ่มร้อนขึ้นตั้งเเต่ตอนเริ่มต้นของคริสต์ศวรรษที่แล้ว ทีมนักวิจัยพบว่าพื้นที่หลายส่วนทางใต้ของประเทศเอกวาดอร์ที่เส้นศูนย์สูตรพาดผ่านหรือบริเวณเทือกเขาแอนดีสกลับยังไม่เพิ่มอุณหภูมิสูงขึ้นจนกระทั่งมาถึงในช่วงกลางคริสต์ศวรรษที่แล้ว
คุณ Eric Chassignet นักวิจัยกล่าวว่าเมื่อพูดถึงปัญหาภาวะโลกร้อน คนทั่วไปมักมองว่าเป็นการเพิ่มขึ้นของอุณหภูมิในระดับเดียวกันหมดทั่วโลก แต่จริงๆแล้ว มีปัจจัยหลายอย่างที่เกี่ยวข้องกับการเพิ่มขึ้นของอุณหภูมิโดยขึ้นอยู่กับจุดที่ตั้งของพื้นที่ เขากล่าวว่านักวิจัยยังไม่สามารถเข้าถึงสาเหตุว่าทำไมจึงเป็นเช่นนั้น
ด้านคุณ Zhaohua Wu นักอุตุนิยมวิทยาแห่งมหาวิทยาลัย Florida State University และผู้ร่วมร่างรายงานผลการศึกษา เป็นผู้ออกแบบอุปกรณ์ที่ใช้ในการวิจัยนี้ เขากล่าวว่าผลการวิจัยนี้จะช่วยผู้ออกนโยบายและประชาชนทั่วไปเตรียมตัวได้ดีขึ้นในอนาคตเพื่อรับมือกับภาวะโลกร้อน
คุณ Wu กล่าวว่าข้อมูลที่ได้เกี่ยวกับการเพิ่มขึ้นของอุณหภูมิบนพื้นโลกที่แตกต่างกันไปตามเเต่ละส่วนของโลกนี้จะช่วยเพิ่มความมั่นใจต่อการวางแผนเพื่ออนาคตเพราะการวางเเผนเพื่ออนาคตมีผลต่อการตอบสนองทางเศรษฐกิจและทางสังคม