Your browser doesn’t support HTML5
องค์การตรวจสอบปัญหาทาสยุคใหม่ในออสเตรเลีย Walk Free Foundation ระบุว่าปัจจุบันปัญหานี้ได้ส่งผลกระทบต่อผู้คนราว 45 ล้านคนทั่วโลก ซึ่งหลายประเทศยังไม่ได้ใช้ควงามพยายามอย่างเต็มที่ในการต่อสู้ปัญหานี้
รายงานของ Walk Free ระบุว่า เกาหลีเหนือ อิหร่าน เอริเทรีย สาธารณรัฐประชาธิปไตยคองโก และซูดานใต้ คือส่วนหนึ่งของประเทศที่ดำเนินการล่าช้าที่สุด ในการต่อสู้ปัญหาทาสยุคใหม่ ซึ่งรวมถึงการบังคับใช้แรงงาน การบังคับขายบริการทางเพศ และการบังคับให้สตรีแต่งงาน
รายงานบอกว่า เกาหลีเหนือเป็นประเทศที่มีสัดส่วนทาสยุคใหม่ต่อประชากรมากที่สุด คือ 4.37% หรือเกือบ 1 ใน 20 ของประชากรทั้งหมด รองลงมาคืออุซเบกิสถาน
ขณะที่อินเดียคือประเทศที่มีจำนวนทาสยุคใหม่มากที่สุด คือราว 18 ล้านคน รองลงมาคือจีน 3.4 ล้านคน และปากีสถาน 2.13 ล้านคน
ส่วนประเทศไทยอยู่ในอันดับที่ 16 โดยมีจำนวนทาสสมัยใหม่ 425,500 คน คิดเป็นสัดส่วน 0.626% ของประชากร
ตัวเลขทาสยุคใหม่ทั่วโลกเพิ่มขึ้นถึง 10 ล้านคนในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา โดยอุตสาหกรรมสิ่งทอคือหนึ่งในอุตสาหกรรมที่มีการใช้แรงงานทาสจำนวนมาก ตั้งแต่การบังคับให้ทำงานในไร่ฝ้าย ซึ่งรายงานบอกว่าคล้ายกับบังคับคนงานผิวดำให้ทำงานในไร่ฝ้ายในภาคใต้ทางอเมริกาเมื่อราว 200 ปีก่อน ไปจนถึงการบังคับให้ทำงานยาวนานหลายชั่วโมงในโรงงานสิ่งทอในหลายประเทศ แลกกับค่าแรงที่ไม่ยุติธรรม
โดยลูกค้าที่ซื้อเสื้อผ้าจากบริษัทที่มีการบังคับใช้แรงงาน ก็ถือเป็นส่วนหนึ่งของปัญหาดังกล่าวด้วย
สำหรับประเทศที่มีอัตราส่วนทาสยุคใหม่ต่อจำนวนประชากรน้อยที่สุด ได้แก่ ลักเซมเบิร์ก ตามด้วย ไอซ์แลนด์ นิวซีแลนด์ ไอร์แลนด์ นอร์เวย์ เดนมาร์ก ออสเตรีย สวีเดน และ เบลเยียม ตามลำดับ