นักวิจัยชี้ว่ามีคนเป็นโรคอ้วนกันมากขึ้นทั่วโลก

  • Jessica Berman
ผลการวิจัยชิ้นใหม่พบว่าอัตราการเกิดโรคอ้วนทั้งในเด็กและผู้ใหญ่กำลังเพิ่มสูงขึ้นทั่วโลกโดยคนในประเทศกำลังพัฒนามีน้ำหนักตัวเพิ่มขึ้นมากที่สุด

ตามรายงานของผลการศึกษาระดับนานาชาติชิ้นนี้ จำนวนคนที่มีน้ำหนักตัวมากกว่าปกติได้เพิ่มขึ้นจาก 857 ล้านคนทั่วโลกในปีคริสตศักราช 1980 เป็นมากกว่าสองพันล้านคนเมื่อปีที่แล้ว ทีมนักวิจัยรายงานว่า 62 เปอร์เซ็นต์ของคนที่มีน้ำหนักตัวเกินเหล่านี้เป็นประชาชนในประเทศกำลังพัฒนา
ข้อมูลนี้มาจากผลการวิเคราะห์ข้อมูลที่จัดเก็บจาก 188 ประเทศใน 21 เขตทั่วโลก ผลการศึกษานี้ได้ตีพิมพ์ในวารสารการแพทย์ Lancet ในอังกฤษเมื่อเร็วๆ นี้

ทีมนักวิจัยพบว่าอัตราของโรคอ้วนและน้ำหนักตัวเกินเพิ่มขึ้น 28 เปอร์เซ็นต์ในช่วง 33 ปีที่ผ่านมา ที่เพิ่มมากที่สุดเกิดขึ้นในเด็ก โดยเกือบครึ่งหนึ่งของจำนวนประชากรเด็กและคนหนุ่มสาวทั่วโลก ถือว่ามีปัญหาน้ำหนักตัวเกินและเป็นโรคอ้วน

ในประเทศกำลังพัฒนา ผู้ชายวัยผู้ใหญ่มีอัตราการเกิดปัญหาน้ำหนักตัวเกินมากกว่าผู้หญิง แม้ว่าจะมีข้อมูลที่ชี้ว่า ความรวดเร็วของการเพิ่มน้ำหนักตัวของคนในสหรัฐและชาติตะวันตกอื่นๆ ได้เริ่มช้าลงในช่วง 8 ปีที่ผ่านมาก็ตาม

คุณ Ali Mokdad ศาสตราจารย์ด้านสุขภาพแห่งมหาวิทยาลัย University of Washington เป็นผู้ร่วมร่างรายงานผลการวิจัยชิ้นนี้ เขากล่าวว่าปัญหาคนมีน้ำหนักตัวเพิ่มขึ้นและเป็นโรคอ้วนกันมากขึ้นเนื่องมาจากการมีอาหารฟ้าสฟู้ดราคาถูกขายกันทั่วไป

เขากล่าวกับผู้สื่อข่าววีโอเอว่าทุกวันนี้ อาหารถูกเตรียมให้พร้อมรับประทาน ในอดีต คนเราต้องใช้เวลาในการปรุงอาหารแต่ละจานเพื่อรับประทาน แต่เดี๋ยวนี้ เด็กอายุ 7 ขวบ 10 ขวบก็สามารถนำอาหารแปรรูปไปอุ่นให้ร้อนในเตาไมโครเวฟ แล้วรับประทานกันเองได้แล้ว เขาคิดว่าแม้ว่าจะสะดวกแต่ก็เป็นอาหารที่ไม่ส่งเสริมสุขภาพที่ดี

ทีมนักวิจัยพบว่าอัตราการเกิดปัญหาโรคอ้วนเพิ่มขึ้นมากที่สุดในประเทศจีน อินเดีย รัสเซีย อียิปต์ ปากีสถานและอินโดนีเซียส่วนประเทศที่มีสัดส่วนของคนที่มีน้ำหนักตัวเกินอยู่ในระดับสูง ได้แก่ประเทศเกาะ ทองกาที่อย่างน้อยครึ่งหนึ่งของประชากรทั้งหมดมีน้ำหนักตัวเกิน ตามมาด้วยประเทศลิเบีย กาต้าร์ ไมโครนีเซีย และหมู่เกาะแซมมัว ที่ประชากรหญิงมากกว่าครึ่งหนึ่งมีน้ำหนักตัวเกิน

คุณ Ali Mokdad ผู้เชี่ยวชาญกล่าวว่าค่าใช้จ่ายทางการรักษาพยาบาลผู้ป่วยจากโรคอ้วนสูงมากโดยเฉพาะในประเทศกำลังพัฒนาเขากล่าวว่านี่ยังมีผลกระทบต่อการเกิดโรคพิการต่างๆและโรคอื่นๆที่เกี่ยวข้อง และเมื่อประชากรอายุมากขึ้นและคนเรามีอายุยืนมากขึ้น เขาคิดว่าคงไม่มีประเทศใดในโลกที่สามารถจ่ายค่ารักษาพยาบาลได้ เขาคิดว่าจำเป็นอย่างมากที่ต้องหาทางสร้างความสมดุลระหว่างการป้องกันกับการรักษา

หากรัฐบาลท้องถิ่นยังไร้วิธีแทรกแซงปัญหาและยังขาดโครงการควบคุมโรคอ้วน ผู้เชี่ยวชาญกล่าวว่าคงเป็นไปไม่ได้ที่ประเทศเหล่านี้จะบรรลุตามเป้าหมายของสหประชาชาติในการหยุดยั้งการเพิ่มขึ้นของอัตราการการเกิดโรคอ้วนให้ได้ภายในปี คริสตศักราช 2025 หรืออีกภายใน 11 ปีข้างหน้า