คณะกรรมการด้านวัคซีนของเยอรมนี มีคำแนะนำในสัปดาห์นี้ให้ประชาชนที่ได้รับวัคซีนโควิดเข็มแรกแล้วจากบริษัทแอสตราเซเนกา (AstraZeneca) ควรฉีดวัคซีนเข็มที่สองจากของบริษัทไฟเซอร์ (Pfizer) หรือของโมเดอร์นา (Moderna) เพื่อต่อสู้กับเชื้อโคโรนาไวรัสกลายพันธุ์ สายพันธุ์เดลตา
คณะกรรมการดังกล่าวระบุว่า ผลการทดลองชี้ว่าภูมิคุ้มกันที่เกิดจากการผสมวัคซีนดังกล่าวนั้น "สูงกว่าอย่างเห็นได้ชัด" เมื่อเทียบกับการฉีดวัคซีนของแอสตราเซเนกาสองเข็ม
การทดสอบวัคซีนแบบผสมนี้มีขึ้นหลังจากที่พบว่าสตรีหลายคนมีอาการข้างเคียงเมื่อได้รับวัคซีนของแอสตราเซเนกาไปแล้ว
ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรีเยอรมนี อังเกลา แมร์เคิล คือหนึ่งในผู้ที่ได้รับวัคซีนสองเข็มต่างกันจากสองบริษัท คือได้เข็มแรกจากแอสตราเซเนกา และเข็มสองจากโมเดอร์นา
สายพันธุ์เดลตา กับการระบาดระลอกใหม่
เมื่อวันศุกร์ที่แล้ว ผู้อำนวยการองค์การอนามัยโลก (WHO) นายเทดรอส อัดฮานอม เกเบรเยซุส เตือนว่า เชื้อไวรัสสายพันธุ์เดลตามีอันตรายและยังสามารถกลายพันธุ์ได้อย่างต่อเนื่อง ทำให้ต้องมีการประเมินสถานการณ์และปรับการตอบสนองด้านสาธารณสุขอยู่ตลอดเวลา
ผอ.WHO กล่าวด้วยว่า เวลานี้พบผู้ติดเชื้อสายพันธุ์เดลตาแล้วในอย่างน้อย 98 ประเทศ และมีอัตราการระบาดอย่างรวดเร็วทั้งในประเทศที่มีอัตราการฉีดวัคซีนสูงและต่ำ ทำให้จำเป็นต้องนำมาตรการควบคุมการระบาดกลับมาใช้อีกครั้ง และประเทศต่าง ๆ ต้องร่วมมือกันแบ่งปันอุปกรณ์การแพทย์ที่จำเป็น รวมทั้งวัคซีนและยาต้านโควิดด้วย
นายเกเบรเยซุส ยืนยันว่า ตนได้แจ้งไปยังผู้นำประเทศต่าง ๆ แล้วว่า จำเป็นต้องฉีดวัคซีนให้ประชาชนให้ได้อย่างน้อย 70% ภายในช่วงฤดูร้อนของปีหน้า ซึ่งเป็นวิธีที่ดีที่สุดในการชะลอการระบาด รักษาชีวิตของประชาชน และทำให้เศรษฐกิจโลกเดินหน้าได้อีกครั้ง
โดยตั้งเป้าว่าทุกประเทศจะต้องสามารถฉีดวัคซีนให้ประชาชนในประเทศตนได้ถึง 10% ก่อนสิ้นเดือนกันยายนนี้