Your browser doesn’t support HTML5
แม้ฤดูเก็บเกี่ยวที่เลวร้ายและสงครามการค้าสหรัฐฯกับจีนจะซ้ำเติมเกษตรกรอเมริกันในภาพรวม ให้เผชิญกับหนี้เพิ่มสูงเป็นประวัติการณ์ที่ 416,000 ล้านดอลลาร์ในปีนี้ แต่มีเกษตรกรอเมริกันผู้ปลูกกระเทียม กลับได้รับประโยชน์จากข้อพิพาทการค้าระหว่าง 2 มหาอำนาจที่ยืดเยื้อมาร่วมปี
Ken Christopher เจ้าของ Christopher Ranch หนึ่งในผู้ผลิตกระเทียมมาหลายทศวรรษในรัฐแคลิฟอร์เนีย ที่สร้างผลผลิตปีละ 45,000 ตันต่อปี บอกว่าหลังจากจีนและสหรัฐฯมีข้อพิพาทการค้าระหว่างกัน ธุรกิจกระเทียมของเขาก็เติบโตขึ้นอย่างมาก เฉพาะยอดขายในปีนี้เติบโต 30% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน โดย Christopher Ranch สามารถจำหน่ายกระเทียมสดและแปรรูปอย่างละเท่าๆกัน
หลังจากรัฐบาลสหรัฐฯ ปรับขึ้นภาษีนำเข้ากระเทียมจากจีน 377% จากการทุ่มตลาดของจีน ทำให้ผู้ผลิตกระเทียมอเมริกันแข่งขันได้มากขึ้น เพราะแต่เดิมที่ไม่มีกำแพงภาษี ราคากระเทียมอเมริกันจะแพงกว่ากระเทียมจีนถึง 4 เท่า กล่าวคือ ราคากระเทียมจีนขายอยู่กล่องละ 15 ดอลลาร์ หรือประมาณ 450 บาท แต่เมื่อมีภาษีนำเข้าทำให้กระเทียมจีนมีราคาเพิ่มขึ้นเป็นกล่องละ 45-50 ดอลลาร์ หรือประมาณ 1,350-1,500 บาทต่อกล่อง ซึ่งเกือบเท่ากับกระเทียมอเมริกันที่ราคาปกติอยู่ที่กล่องละ 60 ดอลลาร์ หรือประมาณ 1,800 บาท
เจ้าของ Christopher Ranch เพิ่มเติมว่า ธุรกิจกระเทียมที่ผ่านมาไม่ได้สดใสอย่างที่เห็น ตั้งแต่จีนเริ่มทุ่มตลาดกระเทียมในสหรัฐฯ เป็นครั้งแรก เมื่อปี ค.ศ. 1994 ทำให้เกษตรกรผู้ปลูกกระเทียมในแคลิฟอร์เนียเชิงพาณิชย์ลดลงจากเดิมที่มีอยู่ถึง 12 ราย ลดเหลือเพียง 3 รายในปัจจุบัน