หนูน้อย 10 ขวบ ทำกำไร 50 เท่าจากหุ้น GameStop

FILE - Pedestrians pass a GameStop store on 14th Street at Union Square, Jan. 28, 2021, in the Manhattan borough of New York.

Your browser doesn’t support HTML5

Game Stop Stocks


ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ปรากฏการณ์ในแวดวงตลาดหุ้นที่สร้างความตื่นตะลึงในวงกว้างคือ “กลุ่มนักลงทุนรายย่อย” ตัดสินใจร่วมมือกัน เพื่อผลักดันราคาหุ้นอย่าง GameStop (GME) ให้สร้างสถิติราคาสูงสุดครั้งใหม่ ด้วยมูลค่าราว 483 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อหุ้น ซึ่งนักลงทุนหลายรายสามารถสร้างกำไรจากการเพิ่มขึ้นของราคาหุ้นในระยะสั้นครั้งนี้เป็นจำนวนไม่น้อย และหนึ่งในนั้นคือ เด็กชาย “เจเดน คาร์” ที่มีอายุเพียง 10 ขวบ จากเมืองซาน แอนโทนิโอ รัฐเท็กซัส

ย้อนกลับไปในปี พ.ศ. 2562 คุณแม่นีน่า ได้ตัดสินใจซื้อหุ้นของบริษัท GameStop จำนวน 10 หุ้นให้กับเจเดน ในราคาหุ้นละประมาณ 6 ดอลลาร์ มอบให้เป็นของขวัญ ในเทศกาลเฉลิมฉลองที่ชื่อว่า Kwanzaa โดยเทศกาลนี้จะเป็นสัปดาห์ที่ฉลองเข้าสู่ปีใหม่ พร้อมแนวคิดที่สำคัญในการใช้ชีวิตของคนเชื้อสายแอฟริกันอเมริกัน และหนึ่งในเจ็ดแนวคิดที่คุณแม่ของเจเดนต้องการเน้นย้ำก็คือ หลักแนวคิดครอบครัวเดียวกันพึ่งพาตนเองแบบแอฟริกัน หรือที่เรียกว่า Ujamaa

บริษัท GameStop มีสำนักงานใหญ่ในรัฐเท็กซัส โดยทำธุรกิจค้าปลีกขายเกม ที่มีสาขามากกว่า 5,000 แห่ง แต่ในช่วงเวลา 3 ปีที่ผ่านมา นวัตกรรมทางเทคโนโลยีได้เข้ามามีบทบาทสำคัญ จนทำให้พฤติกรรมของผู้บริโภคเปลี่ยนไป และสะท้อนผ่านยอดขายที่ลดลงราว 1,600 ล้านดอลลาร์ เช่นเดียวกับราคาหุ้นของบริษัทที่ปรับตัวลง 6 ปีต่อเนื่อง

จากการวิเคราะห์ภาพรวมและปัจจัยต่างๆ ทำให้กองทุนเก็งกำไร (Hedge Fund) มองว่าราคาหุ้นของ GameStop จะมีแนวโน้มลดลงเรื่อยๆ จึงเลือกทำการ Short Sell หรือ “ยืม” หุ้นของผู้อื่นมาขายทำเงิน ก่อนที่จะไปซื้อหุ้นตัวดังกล่าวในราคาต่ำกว่าในวันที่หมดสัญญา โดยกองทุนจะสามารถทำกำไรได้จากส่วนต่างที่เกิดขึ้น

กลุ่มนักลงทุนรายย่อย ที่พอทราบวิธีทำกำไรของกองทุน Hedge Fund ที่ใช้วิธีการ Short Sell ผ่านหุ้น GameStop ได้ตัดสินใจรวมพลังกันผ่านเวปไซต์ที่ชื่อว่า Reddit เพื่อผลักดันให้ราคาหุ้นของ GameStop สวนทางกับมูลค่าที่กองทุนได้เก็งไว้

ตามรายงานระบุว่ามูลค่าหุ้น GameStop ในเดือนมกราคมที่ผ่านมา ทะยานขึ้นไปมากกว่า 20 เท่า และสร้างความเสียหายให้กับกองทุน Hedge Fund ไปราว 5 พันล้านดอลลาร์

เมื่อราคาหุ้น GameStop เพิ่มสูงขึ้น ส่งผลให้หนูน้อยเจเดน ที่ถือหุ้นดังกล่าวมาแล้วราว 2 ปี สามารถเห็นกำไรที่เติบโตอย่างมหาศาล จากเงินที่ลงทุนไว้ประมาณ 60 ดอลลาร์ เพิ่มขึ้นเป็น 3,200 ดอลลาร์ ในช่วงปลายเดือนมกราคมที่ผ่านมา

คุณแม่นีน่าเล่าถึงบรรยากาศที่น่าตื่นเต้นว่า “ราคาของหุ้น GameStop ที่เพิ่มขึ้น แจ้งเตือนผ่านมือถือทั้งวัน” เธอเล่าให้เจเดนฟังว่าสถานการณ์ครั้งนี้ไม่ใช่เรื่องปกติ และเธอให้สิทธิ์ลูกชายเลือกว่าต้องการที่จะถือหุ้นนี้ต่อไป หรืออยากที่จะเทขายทำกำไร
ทั้งคู่เห็นตรงกันที่จะขายหุ้น GameStop เพื่อนำเงินออกมา โดยเงินดังกล่าวถูกจัดสรรไว้เป็นสองส่วน ก้อนแรกนำไปเข้าบัญชีเพื่อเป็นทุนการศึกษาของเจเดนมูลค่า 2,200 ดอลลาร์ และอีกส่วนมูลค่า 1,000 ดอลลาร์จะถูกนำไปลงทุนเพื่อสร้างกำไรต่อไป

ในระยะที่ผ่านมา นอกเหนือจากหุ้น GameStop ยังมีการสร้างแรงบีบคั้นทางราคาจากนักลงทุนรายย่อย ผ่านหุ้นของบริษัทอื่นๆ ยกตัวอย่างเช่น หุ้นของโรงภาพยนตร์ AMC และหุ้นของธุรกิจค้าปลีกเครื่องใช้ในบ้านอย่าง Bed, Bath & Beyond อย่างไรก็ตามนักวิเคราะห์มองว่าความเคลื่อนไหวเช่นนี้ไม่ใช่สิ่งที่ยั่งยืน เพราะราคาหุ้นที่แท้จริง ควรที่จะสะท้อนมาจากมูลค่าพื้นฐานและผลประกอบการของแต่ละบริษัท