Your browser doesn’t support HTML5
การประชุมของประเทศอุตสาหกรรมชั้นนำของโลกเจ็ดประเทศ หรือ G-7 กำลังจะเริ่มขึ้นในวันเสาร์นี้ที่เมือง Biarritz ในฝรั่งเศส โดยมีประธานาธิบดี เอ็มมานูเอล มาคร็อง เป็นเจ้าภาพ และมีผู้นำจากสหรัฐฯ อังกฤษ เยอรมนี อิตาลี แคนาดา และญี่ปุ่น เข้าร่วม นอกจากนี้ยังมีผู้นำอีกหลายประเทศเข้าร่วมสังเกตการณ์การประชุมครั้งนี้ด้วย
นักวิเคราะห์เชื่อว่า ประเด็นหลักของการประชุม G-7 ครั้งนี้ คือ ปัญหาเศรษฐกิจที่ประเทศสมาชิกกำลังเผชิญ โดยเฉพาะทางฝั่งยุโรปและสหรัฐฯ ที่กำลังเผชิญภาวะเศรษฐกิจชะลอตัว และอาจเข้าสู่ภาวะเศรษฐกิจถดถอยได้
เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ และเยอรมนี แบบสองปี ให้ผลตอบแทนสูงกว่าพันธบัตรแบบสิบปี ซึ่งเป็นสัญญาณแสดงให้เห็นว่านักลงทุนมองเห็นความเสี่ยงของเศรษฐกิจในระยะยาว โดยเฉพาะอย่างยิ่งเศรษฐกิจสหรัฐฯ
นักเศรษฐศาสตร์ชี้ว่า ที่ผ่านมาปรากฎการณ์ที่เกิดขึ้นกับพันธบัตรในลักษณะนี้มักจะเป็นตัวบ่งชี้ถึงการเกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอยตามมา ในขณะที่ดูเหมือนระบบธนาคารกลางสหรัฐฯ ไม่มีเครื่องมือทางการคลังที่จะนำมาใช้ในการรับมือภาวะเศรษฐกิจถดถอย เนื่องจากเครื่องมือที่เคยใช้ได้ผล อย่างอัตราดอกเบี้ย ก็อยู่ในระดับต่ำมากในปัจจุบัน
ขณะเดียวกัน สงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ กับจีน ก็ยิ่งสร้างความกังวลต่อการค้าโลก รวมทั้งต่อบรรดาประเทศในกลุ่ม G-7 ด้วย
นอกจากประเด็นเรื่องการค้าและเศรษฐกิจแล้ว คาดว่าผู้นำกลุ่ม G-7 จะหารือกันในเรื่องการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศโลก ความมั่นคงในคาบสมุทรเกาหลี รวมทั้งความตึงเครียดระหว่างอิหร่านกับชาติตะวันตก
ในการประชุม G-7 ครั้งนี้ ยังจะเป็นครั้งแรกที่นายกรัฐมนตรีคนใหม่ของอังกฤษ บอริส จอห์นสัน ได้พบกับ ประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ในฐานะผู้นำประเทศ ซึ่งคาดว่าทั้งคู่จะหารือเรื่องการจัดทำข้อตกลงแบบทวิภาคีภายหลังจากที่อังกฤษแยกตัวจากสหภาพยุโรปในเดือนตุลาคมนี้