เมืองคานส์ ซึ่งเป็นเมืองตากอากาศแถบทะเลเมดิเตอร์เรเนียน และเป็นท่าจอดเรือสำราญที่ใหญ่เป็นอันดับสี่ของฝรั่งเศส จะออกกฏห้ามไม่ให้เรือสำราญที่ปล่อยมลพิษเข้าจอดเทียบท่าตั้งแต่ปีหน้าเป็นต้นไป เพื่อปรับปรุงคุณภาพอากาศในเมือง
การห้ามจอดเรือดังกล่าวจะมุ่งเป้าหมายไปยังเรือที่ไม่เคารพกฏเกณฑ์ในการควบคุมปริมาณกำมะถันในเชื้อเพลิงให้อยู่ที่ 0.1% ซึ่งอาจทำให้ผู้โดยสารบางส่วนไม่สามารถขึ้นฝั่งที่เมืองที่มีชื่อเสียงในการจัดเทศกาลภาพยนตร์แห่งนี้
David Lisnard นายกเทศมนตรีเมืองคานส์กล่าวว่า นโยบายนี้ไม่ได้มีขึ้นเพื่อต่อต้านเรือสำราญ แต่มีขึ้นเพื่อการต่อต้านมลพิษ
ภายใต้นโยบายอากาศสะอาดของสหภาพยุโรป การควบคุมนี้มีผลบังคับใช้แล้วในทะเลบอลติกทะเลเหนือและท่าเรือลำเลียง และอาจขยายไปถึงทะเลเมดิเตอร์เรเนียนอีกด้วย
Axel Friedrich นักวิเคราะห์มลพิษชาวเยอรมันกล่าวว่าเรือสำราญใช้น้ำมันเชื้อเพลิงซึ่งมีซัลเฟอร์ออกไซด์มากกว่าน้ำมันดีเซลธรรมดาถึง 2,000 เท่า
David Lisnard นายกเทศมนตรีเมืองคานส์กล่าวอีกว่า เมืองคานส์จะไม่ต้อนรับผู้โดยสารที่มากับเรือสำราญที่ก่อมลพิษอีกต่อไป
การเติบโตแบบทวีคูณของอุตสาหกรรมเรือสำราญมักจะได้รับการวิพากษ์วิจารณ์จากผู้อยู่อาศัยตามเมืองท่องเที่ยวต่างๆ อยู่เสมอ และอุตสาหกรรมนี้ยังเป็นภัยคุกคามต่อสิ่งแวดล้อมมากขึ้นอีกด้วย
เมื่อสามเดือนที่แล้ว กลุ่มอนุรักษ์หลักของอิตาลีกล่าวว่าเมืองเวนิสควรอยู่ในบัญชีรายชื่อเมืองที่ตกอยู่ในอันตรายของสหประชาชาติ และควรห้ามเรือสำราญเข้าไปในทะเลสาบของเมืองที่มีสภาพเปราะบางเพื่อป้องกันภัยพิบัติทางระบบนิเวศที่จะเกิดขึ้นกับเมืองนี้
จากข้อมูลของสมาคม the Cruise Lines International Association (CLIA) คาดว่าผู้โดยสาร 30 ล้านคนจะล่องเรือเกือบ 300 ลำในปีนี้ ซึ่งเพิ่มขึ้นจาก 17.8 ล้านคนเมื่อ 10 ปีที่แล้ว
เมื่อเดือนกรกฎาคมบริษัทเรือสำราญ Norwegian Cruise Line Holdings ซึ่งมีสัดส่วนของการเดินเรือทางทะเลของเมืองคานส์ถึง 40% ได้ลงนามในข้อตกลง Cruise Charter กับเมืองคานส์ซึ่งสัญญาว่าจะทำให้เรือในบริษัทของตนเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมมากขึ้น